Search

KNU มุ่งเป้าให้ประชาชนเมียวดีปกครองกันเอง ระบุยึดพื้นที่ได้เกือบหมด เผยข้อตกลงกะเหรี่ยงทุกกลุ่มร่วมมือกันรบ SAC ไม่หวั่นทัพพม่าส่งอาวุธ-กำลังเสริม

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 พ.อ.เนอดาทู ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองพล 6 กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army-KNLA ) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในเมืองเมียวดี ที่กองกำลังร่วมนำโดย KNLA  กองทัพประชาชน (People’s Defense Force-PDF) และกองกำลัง Border Guard Force-BGF เข้ายึดพื้นที่ทางทหารของสภาบริหารแห่งรัฐพม่า (SAC) ว่าวันนี้ในเขตเมียวดี กองทัพพม่าใช้เครื่องบิน Y12 บินมาทิ้งระเบิด 3 รอบ ครั้งละ 2 ลำ และเครื่องบินเจ็ต อีก 2 รอบๆ ละ 2 ลำ ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบ สำหรับกระแสข่าวว่า SAC ส่งรถถังและกำลังพลมาเพิ่มนั้น คิดว่ากองกำลังผสมสามารถยับยั้งได้

“เรามีมาตรการสกัดกั้นทุกทาง หากมีขบวนรถถังของ SAC จะเข้ามาเมียวดี ก็มีแผนสกัดกั้นถามว่า เราเชื่อว่ากองทัพพม่าต้องเสริมกำลังเพื่อเข้ามาเมียวดีอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมปล่อยให้กองกำลังของเรายึดครองเมียวดี”พ.อ.เนอดาทู กล่าว

ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษกล่าวถึงการเข้ายึดฐาน 275 ใช้เวลาอีกนานหรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่พูดยากว่าเร็วหรือช้า เพราะเชื่อว่าทหารพม่าก็ต้องยันจนถึงที่สุด แต่ส่วนตัวมองว่าน่าจะไม่นาน โดยปฏิบัติการเพิ่งเริ่มต้นเช้ามืด ซึ่งขณะนี้กองกำลังผสมสามารถเข้ายึดไว้ได้แล้ว 3 จุด คือพื้นที่รักษาความปลอดภัยของฐานในมุมสูง อย่างไรก็ตามพอถึงช่วงเที่ยง อากาศก็ร้อนมาก และมีปฏิบัติการทางอากาศ จึงต้องให้กำลังของเราพักในที่ปลอดภัย หากเย็นๆ ก็จะมีปฏิบัติการอีกรอบ คิดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานก็สามารถยึดกองพัน 275 ได้

ขอบคุณภาพจาก KIC

เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่จะสู้รบกันได้มีการเจรจาเกี่ยวกับกองพัน 275 เหตุใดจึงตกลงกันไม่ได้ พ.อ.เนอดาทู กล่าวว่าKNLA ไม่ได้เจรจาโดยตรงกับทหารพม่า แต่กองกำลัง KNAหรือBGF เป็นตัวกลางเจรจาให้เพราะกลัวผลกระทบกับเมืองและพื้นที่ ซึ่งตนไม่ทราบผลการเจรจาดังกล่าวเป็นอย่างไร

ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่าปฏิบัติการทั้งหมดในการต่อสู้กับ SAC เป็นการเข้าร่วมโดยกองกำลังกะเหรี่ยงติดอาวุธทุกกลุ่ม โดยก่อนหน้านี้กะเหรี่ยงมีหลายกลุ่มและต่างคนต่างทำ แต่ครั้งนี้ร่วมกันหมด โดย BGF ก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้ทหารพม่า แต่ได้เปลี่ยนเป็น KNA และทุกกลุ่มได้ตกลงกันว่า กะเหรี่ยงไม่ยิงกันเอง และจะมีการประสานความร่วมมือจะทำเท่าที่ทำได้

“ปฏิบัติการตอนนี้ KNA ไม่ได้ช่วยรบแต่ดูแลความปลอดภัยให้ เนื่องจากเคยมีความสัมพันธ์กับพม่าจึงเป็นกลไกหลักในประสานให้ทหารพม่ายอมวางอาวุธ” พ.อ.เนอดาทู กล่าว

ขอบคุณภาพจาก KIC

เมื่อถามว่าประชาชนเดือดร้อนจากการสู้รบได้หาทางเยียวยาอย่างไร พ.อ.เนอดาทู กล่าวว่า ก่อนมีปฏิบัติการทุกครั้งจะแจ้งเตือนประชาชนก่อน และKNLA เน้นเป้าไปที่ทหารพม่า แต่ทหารพม่าตอบโต้ด้วยการยิงอาวุธหนักเข้าพื้นที่ของพลเรือน ก่อนปฏิบัติการเราจะแจ้งเตือนชาวบ้านก่อน ซึ่งจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้หนีไปไหน แต่ทหารพม่ากลับตอบโต้ด้วยการโจมตีชุมชน ยิงปืนใหญ่ลงวัด โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารของพลเรือน

ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่า พื้นที่ภายใต้การควบคุมของ KNLA กองพล 6 มีฐานทหารพม่าหลัก 2 หน่วย ได้แก่กองพล 44 ในเมืองเมียวดี และกองบัญชาการควบคุม 13 ที่มีกองพันในสังกัดทั้งสิ้น 20 กองพัน โดยอยู่ในเมืองเมียวดี 4 กองพันหลัก คือ 355, 356,357 และ 275 โดยผู้บัญชาการกองพล 44 ประจำการอยู่ที่กองพัน 275  โดยปฎิบัติการฝั่งตะวันตกโซนใต้ตอนนี้เหลือฐานทหารพม่าเพียงค่ายเดียว อยู่ใกล้บ้านเปิ้งเคิ่ง อ.อุ้มผาง ส่วนทางเหนือก็เหลือแค่กองพัน 275 เท่านั้น หากยึดได้ก็เรียกว่าเคลียร์ได้เกือบทั้งหมด อาจมีหลงเหลืออยู่บ้างบริเวณตรงข้าม อ.พบพระ และ เมืองกอกาเร็ก

“พื้นที่กอกาเร็กตอนนี้เราก็ยึดได้หมดแล้ว ระบบราชการในเมืองยุติและไม่ทำงานแล้ว จะบอกว่ายึดได้เบ็ดเสร็จก็ไม่ใช่เพราะยังมีค่ายทหารพม่า กองพัน 27, 231 กองบัญชาการ 12 และกองพันปืนใหญ่ ของทหารพม่ากระจายตัว เราจึงยังไม่สามารถยึดค่ายได้ทั้งหมด” พ.อ.เนอดาทู กล่าว

พ.อ.เนอดาทูกล่าวว่า ที่ผ่านมากองกำลังผสมพยายามทำการยึดฐานที่มั่นทางการทหารของ SAC และปิดระบบราชการ และเอากำลังทหารพม่าออกไป สำหรับการปกครองนั้น จะให้ประชาชนเข้ามาบริหารด้วยตนเอง โดยทหารของกองกำลังผสมจะไม่อยู่ในเมือง แต่รูปแบบนี้กองทัพพม่าไม่ยอม ดังนั้นเวลานี้ยังตอบไม่ได้ว่าทหารพม่าจะปฏิบัติการอย่างไรต่อ แต่เราวางแผนไว้ว่าจะให้ประชาชนปกครองเมืองเมียวดีโดยประชาชนเอง

ส่วนสถานการณ์ล่าสุดของการสู้รบเพื่อผลักดันทหารพม่าออกจากกองพัน 275 นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดกองกำลัง KNLA ยังไม่สามารถยึดพื้นที่ได้ ขณะที่กองทัพพม่ายังคงส่งเครื่องบินรบลาดตระเวนและโจมตีเป้าหมายในบางจุด ขณะที่ประชาชนในเมืองเมียวดียังคงใช้ชีวิตไม่แตกต่างจากปกตินัก เพียงแต่บางส่วนได้อพยพข้ามมาอาศัยอยู่ใน อ.แม่สอด

วันเดียวกันสำนักข่าวกะเหรี่ยง Karen Information Center-KIC รายงานว่า เมื่อ 14.00 น. ประชาชนในเมืองพะอัน ซึ่งอยู่บนถนนเอเชียไฮเวย์ AH1 ที่จะตรงเข้าสู่เมียวดี ได้เห็นรถบรรทุกทหารและรถถังหุ้มเกราะกว่า 20 คันของ SAC เดินทางผ่านเมืองพะอันซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐกะเหรี่ยง มุ่งหน้าสู่เมียวดี โดยหลายฝ่ายเชื่อว่ายานพาหนะและรถถังเหล่านี้บรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์มาจากเมืองมะละแหม่ง (เมาะลำไย) ในรัฐมอญ

KIC รายงานข่าวอีกว่าทางการ KNU ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่กอกาเร็กว่าให้ระมัดระวังตัวเนื่องจากอาจมีการสู้รบเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้

On Key

Related Posts

ผลตรวจคุณภาพน้ำครั้งที่ 10 พบสารพิษในแม่น้ำกก-โขงไม่เกินค่ามาตรฐานเหตุถูกน้ำฝนเจือจาง แต่แม่น้ำสาย-รวกยังเข้มข้นเนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งกำเนิด นักวิจัยเตือนยังอันตราย-หวั่นสะสมในนาข้าว จี้รัฐออกมาตรการเชิงรุก