เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 สำนักข่าว RFA ออกมารายงานว่า กองทัพพม่าได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านกุงส่า เมืองหล่อยก่อ เมืองหลวงรัฐคะเรนนี ทำให้มีพลเมืองเสียชีวิต 6 คน ในจำนวนนี้ มีเด็กอายุ 2 ขวบ รวมอยู่ด้วยจำนวน 2 คน นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน บ้านเรือนได้รับความเสียหายอีก 20 หลัง เหตุการณ์ครั้งนี้ ชาวบ้านร้องเรียนว่า กองทัพพม่าจงใจโจมตีเขตชุมชนแม้ไม่มีเหตุสงครามในพื้นที่
ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า เด็ก 2 รายที่เสียชีวิตนั้นยังไม่พบชิ้นส่วนร่างกาย ทั้งนี้ หมู่บ้านกุงส่านั้นมีบ้านเรือนทั้งหมดอยู่ราว 200 หลังคาเรือน และมีประชากรราว 700 คน ทั้งนี้ เมื่อปีก่อน ประชาชนในหมู่บ้านแห่งนี้ได้อพยพหนีไปอยู่ที่อื่น ก่อนที่จะเดินทางกลับมาบ้านของตนอีกครั้งในปีนี้ แต่ก็เกิดเหตุการณ์โจมตีใส่หมู่บ้านอีกครั้ง โดยเหตุสู้รบในรัฐคะเรนนีนั้นดำเนินมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลทหารยึดอำนาจ และความไม่สงบทำให้มีผู้ลี้ภัยสงครามในรัฐคะเรนนีกว่า 300,000 คน และผู้ลี้ภัยจำนวน 50,000 คน นั้นอพยพไปยังรัฐฉาน ซึ่งเป็นรัฐใกล้เคียง
ขณะที่เหตุสู้รบในเมืองเมียวดี ชายแดนติดอำเภอแม่สอดนั้นได้กลับมาตึงเครียดอีกครั้งในวันนี้ (20 เมษายน 67) โดยโฆษกของ KNU ได้เปิดเผยกับสื่อว่า ได้โจมตีทหารพม่าอีกครั้ง แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ว่า สถานการณ์ตลอดช่วงกลางวันที่ผ่านมาในวันนี้ กองทัพพม่าได้โจมตีและใช้เฮลิคอปเตอร์ทิ้งระเบิดกว่า 100 ลูก และกระสุนได้ตกใส่บ้านเรือนของประชาชนในฝั่งไทยด้วย ชาวบ้านในเมืองเมียวดียังเปิดเผย พบเห็นผู้เสียชีวิตในฝั่งเมียวดี หลังทางกองทัพพม่าใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยสื่อพม่ารายงานว่า มีชาวบ้านฝั่งเมียวดีข้ามมายังฝั่งไทยราว 2,000 คนแล้ว
สื่อพม่า Chindwin รายงานว่า พล.อ.มินอ่องหลาย ยังคงยกย่องตัวเองแม้เป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศพม่าต้องหยุดชะงักจากการยึดอำนาจของตัวเอง โดยเขาได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสปีใหม่ของชาวพม่า โดยอ้างว่า รัฐบาลของเขาได้บริหารเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตแม้อยู่ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังวุ่นวายก็ตาม นอกจากนี้ ยังอ้างว่า มีการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของการบริหารของเขา
สื่อพม่าวิจารณ์พล.อ.มินอ่องหลายว่า คำกล่าวอ้างของเขานั้นตรงกันข้ามกับหลักฐานที่กำลังเกิดขึ้นในพม่า และตัวของเขาไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบร้ายแรงของการรัฐประหารที่มีต่อเศรษฐกิจของพม่าโดยสิ้นเชิง โดยกองทัพภายใต้พล.อ.มินอ่องหลายนั้นกำลังอ่อนแอลงและอาจจะล่มสลาย หลังจากประชาชนที่ถูกเขากดขี่ได้ลุกขึ้นมาจับอาวุธต่อต้านกองทัพพม่า