เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 พล.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉานใต้ RCSS/SSA ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ช่วงเวลาตั้งแต่มีนาคม-เมษายน 2567 พล.อ.เจ้ายอดศึกได้ลงพื้นที่พบปะกับประชาชน 12,000 คน จาก 33 หมู่บ้าน ในเขตพื้นที่ของตน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้าน โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน ได้เข้าร่วมพิธีจบการฝึกทหารใหม่รุ่นแรก หรือกองพันที่ 101 ในเขตพื้นที่ควบคุมในเมืองปั่นทางใต้ของรัฐฉาน และยังได้ให้โอวาทและความรู้แก่ทหารใหม่ 6,000 คนในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย
แถลงการณ์บางส่วนระบุว่า การลงพื้นที่ของผู้นำ RCSS/SSA นั้น เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ตื่นตระหนกและเกิดความหวาดกลัวเกี่ยวกับกฎหมายการเรียกเกณฑ์ทหารโดยสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ของกองทัพพม่า และเพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลสถานการณ์ที่แท้จริงที่ประชาชนประสบอยู่ โดยใช้เวทีของการลงพบปะในครั้งนี้พูดคุย ปรึกษาหารือกัน ด้วยปัจจัยของสถานการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้เยาวชนคนหนุ่มสาวจำนวนมาก พากันเข้ามาเข้ามาสมัครเป็นทหารในกองทัพรัฐฉาน จึงถือเอาโอกาสลงพื้นที่อบรมให้กำลังพลทหารใหม่ได้รับทราบถึงภาระและหน้าที่ของตนเองต่อชาติบ้านเมือง ทั้งได้ตระหนักถึงความสำคัญของรัฐฉานและบ้านเกิดของตนเองอย่างถูกต้อง รวมทั้งให้ตั้งใจศึกษาเรียนรู้วิชาทหารตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนชำนาญ เพื่อที่จะได้นำเอาความรู้ความสามารถนั้นมาทำการปกป้องตนเองและบ้านเมืองของตนเอง
แถลงการณ์ระบุว่า เพื่อที่จะสามารถนำเอามติข้อตกลงในการเจรจาทางการเมือง ระดับสหภาพ และระดับรัฐ มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มวางรากฐานการปฏิบัติในระดับพื้นที่เสียก่อน สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน RCSS/SSA จะยึดหลัก ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ความเท่าเทียมของสหพันธรัฐประชาธิปไตย และสิทธิการตัดสินใจด้วยตัวเอง ในการดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยเริ่มจากระดับล่างขึ้นมา
“ในขณะที่อยู่ในห้วงของการดำเนินงานนั้น ขอเรียนเชิญและยินดีต้อนรับ คณะบุคคล กลุ่มหรือองค์กรต่างๆของชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองทัพพม่าที่ต้องการร่วมปฏิบัติงาน จึงได้ออกแถลงการณ์มาเพื่อทราบ”แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่พล.อ.เจ้ายอดศึก ยังให้โอวาททหารใหม่ที่จบการอบรมทหารที่เมืองปั่นว่า ชาวไทใหญ่นั้นถูกหลอกตลอดมานับตั้งแต่ปี ค.ศ.1947 และชาวไทใหญ่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเอง จึงทำให้ไม่สามารถพาบ้านเมืองข้ามผ่านวิกฤติได้ จึงอยากเรียกร้องให้เอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสอนตัวเอง และอยากเรียกร้องให้คนไทใหญ่นั้นตื่นตัว และร่วมกันทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ไม่ควรยอมให้ใครเปลี่ยนชื่อรัฐฉานเป็นชื่ออื่น
ด้านสำนักข่าว SHAN รายงานว่า กองทัพพม่าได้ยิงปืนใส่พื้นที่ชุมชนอย่างในหมู่บ้าน น่ำฮูตอง เมืองสี่แส่ง ทางใต้รัฐฉาน ทำให้ชาวบ้านที่หนีภัยสงครามและเพิ่งเดินทางกลับมายังหมู่บ้านต้องเดินทางออกจากพื้นที่อีกครั้ง
ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ประชาชนบางส่วนเดินทางกลับมาได้ 20 กว่าวัน หรือบางส่วนเดินทางกลับมาได้ 1 เดือน โดยเหตุที่ชาวบ้านเดินทางกลับมายังบ้านของตนเอง เนื่องจากหวั่นว่า หากทิ้งบ้านไปเป็นระยะเวลานานจะถูกกลุ่มติดอาวุธอื่นๆมายึดบ้าน จึงได้พากันกลับมา แต่ก็ต้องมาประสบเหตุถูกกองทัพพม่าโจมตี ซึ่งเหตุการณ์โจมตีใส่หมู่บ้านแห่งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โชคดีไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
“กองทัพพม่ามักโจมตีใส่ชุมชนไม่เลือกหน้า ที่ผ่านมามีประชาชนได้รับบาดเจ็บแล้วหลายคน เหตุการณ์โจมตีโดยไม่เลือกของกองทัพพม่า ทำให้ประชาชนอยู่ในสถานการณ์รู้สึกระแวงไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา” ชาวบ้านระบุ
อนึ่ง ปัจจุบันหลายกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ต่างพยายามยึดครองและอ้างกรรมสิทธิเหนือผืนดินในเขตรัฐฉาน โดยเฉพาะกองทัพสหรัฐว้า ( United Wa State Army :UWSA) ที่ขยายอาณาเขตมาจากชายแดนจีนจนจรดชายแดนไทย ขณะที่กองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army-MNDAA) ได้ขับไล่ทหารพม่าออกจากพื้นที่และยึดฐานไว้ได้จำนวนมาก เช่นเดียวกับกองทัพตะอางหรือปะหล่อง (Ta’ang National Liberation Army-TNLA) ที่สามารถยึดพื้นที่ตอนเหนือของรัฐฉานไว้ได้จำนวนไม่น้อย