ภาสกร จำลองราช
เสียงตูมตามจากฝั่งเมียวดีดังได้ยินมาถึงแม่สอดตั้งแต่เช้า ไม่รู้เป็นการต้อนรับประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมาหรือไม่
คณะกรรมการฯใหม่ถอดด้ามที่นายกรัฐมนตรีลงนามไปตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา นำโดยคุณปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จะเดินทางมาลงพื้นที่แม่สอดในวันนี้ (23 เมษายน 2567) เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 3 ของคุณปานปรีย์
เดิมที นายกฯเศรษฐา โพสต์ว่า จะลงพื้นที่แม่สอดด้วยตัวเองในช่วงบ่าย แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจึงเปลี่ยนใจ
แต่ไม่ว่าจะเป็นนายกฯเศรษฐา หรือคุณปานปรีย์ มาลงพื้นที่ก็แทบมีผลไม่ต่างกันเลย หากสิ่งที่เรียกว่า “ทีม” และ “ยุทธศาสตร์” ยังเป็นแบบเดิม คือทำงานกันไปคนละทิศทางเพราะไร้ยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะก้าวเดินไปในพม่า
ยกตัวอย่างเช่น เรื่องแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมียวดี ซึ่งพันไปกับเรื่องสงครามการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและกลุ่มกองกำลังผสมฝ่ายต่อต้านทหารพม่า SAC เนื่องจากกองกำลังกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งคือ BGF (Border Guard Force) เป็นผู้จัดการ ควบคุมและดูแลแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ แต่ BGF เล่นการเมืองเป็น เพราะก่อนที่ SAC จะพ่ายศึกเมียวดียกแรก BGF ได้เปลี่ยนชื่อเป็น KNA (Karen National Army) และกระโดดหนี SAC มาอยู่ฝั่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU + กองกำลังประชาชน PDF
ประมาณการว่า BGF มีกำลังพลราว 4,000-5,000 นาย พร้อมอาวุธครบมือเนื่องจากมีทุนทรัพย์มหาศาลที่ได้จากการเช่าที่ดินและเป็นฝ่ายคุ้มกันให้พวกจีนเทาและธุรกิจในแหล่งอาชญากรรม ทำให้เป็นกองกำลังที่ไม่อาจมองข้ามได้
ศึกเมียวดีที่ผ่านมา BGF เข้าร่วมกับฝ่าย KNU+PDF แต่ขอเป็นฝ่ายเจรจาและรักษาพื้นที่ เช่น หลังจากการ 2 ฝ่ายซัดกันนัวเนียจนทหารพม่าทำท่าสู้ไม่ได้ BGF ซึ่งมีสายสัมพันธ์เดิมกับ SAC จะส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าไปเจรจาให้ทหารพม่ายอมวางอาวุธ ยกเว้นกรณีการโจมตีกองพัน 275 ในเมืองเมียวดีที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนและ “ผิดคิว”ทำให้กองกำลังทหารพม่ากว่า 100 คนยังคงประกาศสู้ตาย ขณะที่ KNU+PDF ก็พะว้าพะวังอยู่กับการสกัดกั้นกำลังสนับสนุนพร้อมยุทโธปกรณ์ที่กองทัพพม่าส่งเข้ามาเอาคืนเมืองเมียวดี ที่เดินทางเลยเข้ามาเขตกอกะเร็กแล้ว จึงไม่สามารถทุ่มกำลังรบมาที่หัวสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ได้อย่างเต็มที่
ท่าทีและบทบาทของ พ.อ.ชิตูและ BGF สร้างความหวาดระแวงให้ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะดูเหมือนว่าพร้อมจะกระโดดไปหาผู้ชนะเพื่อปกป้องแหล่งอาชญากรรมที่เป็นบ่อเงินบ่อทองของตัวเอง ขณะเดียวกันการส่งส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐไทยก็ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่รัฐบาลไทยแม้คุณเศรษฐาและคุณปานปรีย์ ได้ประกาศเป็นศัตรูต่อธุรกิจจีนเทาและแหล่งอาชญากรรมริมน้ำเมย แต่ในทางปฏิบัติแล้ว รัฐบาลไทยกลับไม่เคยจริงจังที่จะปราบปรามธุรกิจสีดำเหล่านี้เลย ทั้งๆ ที่รับรู้กันดีว่าแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้เป็นต้นทางของขบวนการต้มตุ๋นออนไลน์ที่ประชาชนไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้าจากการถูกหลอกดูดเงินผ่านมือถือจนหมดเนื้อหมดตัว
นอกจากนี้แหล่งยาเสพติด แหล่งค้ามนุษย์ แหล่งพนันออนไลน์ ต่างมีครบอยู่ในอาคารมากมายในชเวโก๊กโก่ KK Park และอีก 20 กว่าแห่งริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมียวดี
เมื่อ 2-3 วันก่อนเพียงแค่มีข่าวว่าสภาบริหารแห่งรัฐพม่า SAC จะถล่มแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ หาก BGF ไม่ช่วยเหลือทหารพม่าที่ฐาน 275 แตก ทำให้คนจีนและคนต่างชาติจำนวนมากพากันหนีทะลักข้ามแม่น้ำเมยมาหลบภัยเช่าโรงแรมอยู่ในแม่สอดจนแน่น โดยต้องไม่ผ่านด่านพรมแดนใดๆ นอกจากช่องทางธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่างของกลุ่มธุรกิจจีนเทากับคณะผู้ปกครองหน่วยราชการไทยที่ดูแลชายแดนแห่งนี้
ผลประโยชน์มากมายจากแหล่งอาชญากรรมริมน้ำเมยสามารถปิดหูปิดตาใครหลายคนได้อย่างสนิท
สงครามการสู้รบ แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์+ฝ่ายต่อต้าน และ SAC พัวพันกันอย่างสลับซับซ้อนอย่างมีเงื่อนไข การสู้รบบางครั้งไม่ใช่แค่การสู้รบ แต่เป็นเรื่องของการต่อรอง ซึ่งทั้งหมดนี้รัฐบาลไทยเป็นตัวละครสำคัญ หากจะแสดงบทบาท เพราะกองกำลังทั้งหมดมีพื้นที่แม่สอดเป็นระเบียง
ถ้ารัฐบาลไทยประกาศตัวว่าจะใช้ทุกวิถีทางร่วมทลายแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย พร้อมลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง โจทย์ของสงครามเมืองเมียวดีจะเปลี่ยนไป และไทยสามารถแทงทะลุโจทย์ได้ถึง 2 ชั้น ทั้งเรื่องการสู้รบและแหล่งอาชญากรรม
น่าเสียดายหากโอกาสดีๆ ที่มาถึงกำลังจะผ่านไป หากรัฐบาลไทยยังมองไม่ลึกซึ้ง
ดังนั้นไม่ว่านายกฯเศรษฐา หรือรองนายกฯปานปรีย์ จะเดินทางมาลงพื้นที่แม่สอดอีกกี่ครั้งเพียงเพราะต้องการจัดกิจกรรมและเยี่ยมชมภารกิจของทางการไทยก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆ นักกับประเทศชาติ
หากการทำงานของฝ่ายบริหารประเทศยังเป็นเหมือนที่ผ่านมาคือไร้ยุทธศาสตร์และทีมที่มีอำนาจในการตัดสินใจ