
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำนักข่าวในพม่าหลายสำนักได้เผยแพร่ข่าวทหารเมียนมา นำธงชาติเมียนมา ชักธงขึ้นเสาที่ กองพัน ร.275 บ้านผาซอง อ.เมียวดี จ.เมียวดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ายึดคืนฐานกองพัน 275 จากกองกำลังผสมกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ KNLA/KNU และ PDF ได้แล้ว
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบจากผู้บริหาร KNLA พบว่าภาพที่ปรากฏมีทหารเมียนมา เพียง 1 นาย ที่ถ่ายภาพกับกองกำลัง KNA/BGF ซึ่งเป็นคนเปิดทางให้ทหารรัฐบาลเมียนมา SAC นำธงชาติเมียนมาเข้าไปได้ โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมา กองกำลัง KNA/BGF ได้ขออนุญาตกองกำลังผสม KNLA/PDF ที่รักษาการอยู่โดยรอบเข้าไปในฐาน 275 เนื่องจากยังเป็นพันธมิตรกัน KNLA จึงได้อนุญาต โดยไม่ทราบว่ากองกำลัง KNA/BGF จะให้ทหาร SAC เข้าไปกระทำการดังกล่าว
สำหรับปฎิบัติการชักธงขึ้นเสาของทหารพม่าครั้งนี้ ทางกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ KNLA มองว่าเป็นเพียงการหวังผลทางจิตวิทยาและทางการเมือง เพราะ KNLA ยังยึดค่ายทหารเมียนมาอื่นๆไว้หมดแล้ว ทั้งฐาน 355,356,357 และ บก.ควบคุมที่ 12 ซึ่งได้นำธงชาติกะเหรี่ยงไปปักธงแทนธงเมียนมาก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งกองกำลังผสมยังคงระดมกำลังสกัดกั้นทหารทหารเมียนมาที่เมืองก็อกกะเร็ก
สำหรับกองพัน ร.275 ของกองทัพเมียนมา SAC ถูกกองกำลังผสม กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ KNLA/KNU และ PDF ยึดได้เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารเมียนมา SAC กว่า 200 นาย หนีทัพไปที่ด่านเมียวดี 2 และเกิดการโจมตีกับกองกำลังผสมฝ่ายต่อต้าน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ขณะที่กองทัพเมียนมา ใช้เครื่องบินรบปฏิบัติการทางอากาศทิ้งระเบิดพื้นที่ พัน ร.275 อย่างต่อเนื่อง
พะโด่ซอตอนี โฆษก KNUกล่าวว่าทางพม่า SAC พวกเขาพยายามเอาคืนยึดเมียวดี ส่งกองกำลังมาเสริม เราไม่ต้องการให้มีการแตกแยกระหว่างชาวกะเหรี่ยงอีกแล้ว BGF เป็นผู้ดูแลเมืองเมียวดีอย่างที่ทุกคนเห็น โดยเรื่องการชักธงพม่าขึ้นเหนือฐานกองพัน ร. 275 นั้น ทราบว่า BGF แจ้งว่าจะเข้าไปที่ฐานดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ามีการเอาธงกะเหรี่ยงลง และชักธง SAC ขึ้นแทน
เมื่อถามว่าทหารพม่าเข้าไปได้อย่างไร พะโด่ซอตอนีกล่าวว่าเท่าที่ทราบคือ BGF แจ้ง KNLA ขอเข้าไปที่ฐานกองพัน ร.275 แต่กลับพบว่าเข้าไปพร้อมทหารพม่า SAC
เมื่อถามว่าฐาน ร.275 ยังอยู่ในการดูแลของ KNLA หรือไม่ โฆษก KNU กล่าวว่าเมื่อกำลังของเราเข้าไปยึดฐานดังกล่าวแล้วก็ออกมา และขณะนี้เราให้ความสำคัญกับการสกัดการส่งกำลังเสริมที่ SAC ส่งมาทางกอกาเร็กซึ่งเป็นงานเร่งด่วนในเวลานี้
วันเดียวกันนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ อ.แม่สอด
นายปานปรีย์ แถลงว่า การลงพื้นที่วันนี้เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา โดยตอนนี้คงเหลือกว่า 600 คน เชื่อว่าถ้าสถานการณ์คลี่คลายจะกลับไปทั้งหมดในเร็ววันนี้ หากไม่ปลอดภัยก็จะอพยพตามแผนที่เตรียมไว้ และยังไม่พบประชาชนไทยที่ไม่ปลอดภัย