Search

SAC ชี้ “พ.อ.ชิตตู”ตัวอันตราย สื่อพม่าอ้างทางการไทยจับมือทางการพม่ารวบรวมข้อมูลผู้นำ BGF “รศ.ดุลยภาค”เผยกลยุทธ์ทัพพม่าเลาะชายแดนไทยโอบล้อมตี KNU แนะรัฐบาลไทยคุมเข้มพื้นที่ชายแดนแม่สอด-อุ้มผาง-พบพระ

วันที่ 25 เมษายน 2567 สื่อออนไลน์พม่า Khit Thit Media เผยแพร่ข่าวเนื้อหาว่าสภาบริหารแห่งรัฐพม่า (SAC) ระบุว่า พ.อ.ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจและอันตราย พร้อมทั้งสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สิน ธุรกิจ แสดงรายการข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูล โดยเป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกองทัพไทยและ SAC ในการควบคุมและจัดการสถานการณ์กะเหรี่ยง

Khit Thit Media รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวในกรุงเนปีดอว์ว่า หัวหน้ากองกำลังรักษาชายแดนกะเหรี่ยง พ.อ.ชิตตู ซึ่งอยู่ภายใต้การบัญชาการของสภาทหารพม่า SAC ถูกกำหนดให้เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจและเป็นอันตราย และทรัพย์สินของเขา โดยกองบัญชาการทหารพม่าที่กรุงเนปิดอว์ กำลังรวบรวมข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจและลำดับวงศ์ตระกูล

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 กองกำลัง BGF ที่นำโดยพ.อ.ชิตตู ได้ประกาศลาออกจากการเป็นกองกำลังภายใต้กองทัพพม่า และกลับเข้าร่วมกับกองกำลังกะเหรี่ยง โดยอ้างว่าตนจะไม่รับผลประโยชน์รวมทั้งเงินเดือนจาก SAC อีกต่อไป โดยเขากล่าวว่าการที่ BGF แยกตัวออกจากกองทัพพม่า ตนจะทำงานเพื่อสันติภาพในรัฐกะเหรี่ยงไม่ว่าตนจะเลือกฝ่ายไหนก็ตาม

Khit Thit Media รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงใน ว่ากำลังตรวจสอบบัญชีธนาคารและกระแสการเงินของชิตตูว่ามาจากไหนบ้าง ญาติๆ อาศัยอยู่อย่างไร มีหลักฐานอะไรบ้างทางฝั่งไทย ทั้งนี้ SAC ได้ร่วมมือกับกองทัพไทยมาโดยตลอดเพื่อให้การเปิดการค้าชายแดนให้เป็นไปตามปกติอีกครั้ง ควบคุมและรักษาสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า

สื่อพม่าระบุอีกว่าในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 กองกำลังรักษาชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) ภายใต้การนำของชิตตู แยกออกจากกองทัพกะเหรี่ยง DKBA และได้จัดตั้งกองพันทั้งหมด 13 กองพัน จากนั้นในปี พ.ศ. 2553 ได้มีการจัดตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) โดยมี 11 กองพัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของกองทัพพม่า

 

ขณะที่ รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นักวิชาการด้านความมั่นคงจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบทความลงในเฟซบุ๊กระบุว่า ทหารพม่ากำลังคิดค้นกลยุทธ์เข้าตีเมียวดีโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. ใช้วิธีข่มขู่ว่าจะทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจหรือเผาทิ้งทั้งเมือง กล่าวคือ เมื่อกลุ่มต่อต้าน/กลุ่มชาติพันธุ์ไล่ตีทหารพม่าและยึดเมืองได้แล้ว ทหารพม่าก็จะใช้กำลังรบทางอากาศและอาวุธหนักอื่นๆ ยิงถล่มเมืองให้พังทลายลงไปเลย (เข้าลักษณะถ้าฝ่ายฉันไม่ได้ ฝ่ายอื่นก็ต้องไม่ได้ เล่นแบบไม่มีที่ทางทำมาหากินแสวงหาผลประโยชน์เศรษฐกิจด้วยกันทั้งคู่ไปเลย) ในเวลานี้ กะเหรี่ยง KNA ของชิตตู่ ถูกทหารพม่าขู่ว่าจะทำลายเมืองชเวโก๊กโก่ เมืองนี้อยู่ใกล้เมียวดี เป็นแหล่งรายได้มหาศาลของกลุ่มชิตตู่และกลุ่มทุนจีนเทา และดูเหมือนว่าถ้าให้เลือกระหว่างความรักชาติในหมู่ชาวกะเหรี่ยงกับการธำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ณ ขณะนี้ กลุ่ม KNA น่าจะเลือกแบบหลัง จึงเป็นโจทย์ยากสำหรับ KNU และฝ่ายต่อต้านว่าจะโน้มน้าว KNA ให้กลับมาเป็นพันธมิตรร่วมได้อย่างไร หรือจะต้องเปิดศึกกับทั้งทหารพม่าและ KNA หรือจะต้องเพลาๆการเคลื่อนไหวโจมตีทหารพม่าลงบ้างเพื่อรอประเมินสถานการณ์ต่อไป

 

รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า อันที่จริง ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น กองทัพพม่าก็ขู่กองทัพคะฉิ่นอิสระ KIA ว่าหากคิดจะยึดเมืองโมมวก ทหารพม่าก็จะเผาทิ้งเมืองนี้เหมือนกัน โมมวก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี ตรงทิศใต้ของมิตจิน่า เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น เคสที่โมมวกกับเคสที่เมียวดี-ชเวโก๊กโก่ สามารถสะท้อนกลยุทธ์ข่มขู่แบบเผาเมืองของทหารพม่าได้ชัดเจน

 

นักวิชาการด้านความมั่นคงกล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ฝ่ายวางแผนทางทหารจะออกแบบยุทธวิธีการรบโดยย้อนกลับไปดูความสำเร็จของปฏิบัติการทางทหารในอดีตแล้วจึงนำมาปรับปรุงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ศึกชิงคืนเมียวดีล่าสุด ทหารพม่าใช้แผนปฏิบัติการชื่อออง ไซยะ (พระเจ้าอลองพญา) เน้นระดมพลและรถถังจากมะละแหม่งแล้วเข้ายึดเมืองกอกะเร็กและเคลื่อนทัพสู่เมียวดี พร้อมๆ กับใช้เครื่องบินรบ MIG 29 และเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ MI 17 เข้าถล่มทัพ KNU และ PDF

รศ.ดุลยภาคกล่าวว่าในปี ค.ศ.1997 กองทัพพม่าเคยใช้แผนปฏิบัติการธุยะ (Thuya Operation) ในการโจมตีแบบวงกว้างในพื้นที่ดูปลายาโดยแบ่งทัพออกเป็น 3 สาย ทัพแรก เคลื่อนพลเข้าเมียวดีและลงมาตีค่ายกะเหรี่ยงที่ผาลูแล้วเดินทัพเลียบชายแดนไทยเข้าตีฐาน KNU อื่นๆที่ใกล้บริเวณที่แผ่นดินพม่ายื่นลึกเว้าเข้ามาในเขตไทยแถบรอยต่อระหว่างอำเภอพบพระและอุ้มผาง ทัพที่สอง เคลื่อนกำลังเข้ามาคุมชายแดนทางใต้แถวใกล้ๆกับอำเภออุ้มผาง พร้อมโอบล้อมชาวบ้านและทหาร KNU ไม่ให้หลบหนีเข้ามาในเขตไทย ส่วนทัพที่สาม เข้าโจมตี KNU ตรงหุบเขาดาวนะ (หรือเทือกเขาถนนธงชัยตะวันตกตรงส่วนที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมียวดีลงมา) จนทำให้ทหาร KNU ในละแวกนั้นประกาศยอมแพ้และมีทหาร KNU ถูกฆ่าตายจำนวนมาก

“เมื่อวานนี้ ผมได้รับข่าวสารการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับ KNUและฝ่ายต่อต้านที่บริเวณบ้านห้วยแดน กิ่งอำเภออะซิน ตรงข้ามบ้านเปิ่งเคลิ่ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และบริเวณบ้านผาลู ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (ลงใต้มาใกล้ๆกับอำเภอพบพระ) รวมถึงที่บ้านทิบาโบ ตรงข้ามบ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก นั่นแสดงว่าทหารพม่าไม่ได้ขนกำลังในแนวตะวันตก-ตะวันออก คือ จากมะละแหม่ง-กอกะเร็ก-เมียวดี เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้วิธีตีกวาดเป็นแนวยาวจากเมียวดีในส่วนที่ใกล้กับอำเภอแม่สอดลงมาถึงพื้นที่แถวๆตรงข้ามอำเภอพบพระและอุ้มผางด้วย”รศ.ดุลยภาค ระบุ

รศ.ดุลยภาคกล่าวว่า ขณะที่การรบระหว่างทหารพม่ากับฝ่ายต่อต้านตรงหุบเขาดาวนะก็ดำเนินต่อไปเช่นกัน ฉะนั้น แผนการรบของทหารพม่าจึงเป็นภาพประกบกันระหว่างแผนปฏิบัติการออง ไซยะ ครั้งล่าสุดกับแผนการรบที่เคยสำเร็จมาแล้วในปี ค.ศ.1997 และเอาเข้าจริงๆ ถ้าย้อนไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ก็มีข่าวทหารพม่าปะทะกับ KNU และฝ่ายต่อต้านแถวๆพบพระ-อุ้มผางเหมือนกันซึ่งสะท้อนความสืบเนื่องของสัมฤทธิผลทางทหารของกองทัพพม่าในปี ค.ศ. 1997 ที่น่าจะอยู่ในกระบวนการวางแผนทางยุทธการของแม่ทัพนายกองพม่าในรัฐกะเหรี่ยงจนถึงทุกวันนี้

“แต่ศึกนัดนี้ ทหารพม่าจะได้รับชัยชนะทางทหารหรือไม่ หรือ KNU กับ PDF อาจพลิกเกมมีชัยชนะเหนือทหารพม่าแบบเด็ดขาด หรือจะมีฉากทัศน์ใหม่ๆผุดพุ่งเข้ามาอีก เราคนไทยก็ต้องติดตามแบบห้ามกะพริบตากันเลยทีเดียว ช่วงนี้ ทางการไทยควรเฝ้าระวังปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยโดยโฟกัสทั้งที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระกับอุ้มผาง ตลอดจนอำเภออื่นๆในจังหวัดตาก หรือแม้กระทั่งแม่ฮ่องสอนและกาญจนบุรีด้วย” รศ.ดุลยภาค กล่าว

————–

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช

On Key

Related Posts

หวั่นท่องเที่ยวพินาศหลังน้ำกกกลายเป็นสีขุ่นข้นจากเหมืองทองตอนบนในพม่า นายกฯอบต.ท่าตอนเตรียมทำหนังสือจี้รัฐบาลเร่งแก้ไข-ชาวเชียงรายเริ่มไม่กล้าเล่นน้ำ เผยปลาหายไป 70% ทสจ.ส่งทีมตรวจสอบคุณภาพน้ำ

———เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 พ.Read More →

ผบ.สส.เร่งหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพน้ำกกหลังชุมชนผวาสารพิษเจือปนจากการทำเหมืองทองฝั่งพม่า ภาคประชาชนเผยน้ำกกขุ่นเพิ่มจากปีก่อน 8 เท่าหวั่นกระทบน้ำดิบทำประปา

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดีRead More →