เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 กองทัพเพื่อประชาชนในเมืองมินดัท The Chinland Defense Force – Mindat (CDF-Mindat) เปิดเผยว่า กองทัพพม่าได้โจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมินดัท รัฐชิน ส่งผลให้มีคนไข้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากโรงพยาบาลแล้ว กองทัพพม่ายังจงใจโจมตีเขตชุมชนที่อยู่รอบๆโรงพยาบาลด้วย จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. ของเช้าวานนี้ (25 เมษายน 67)
ขณะที่ในรัฐอาระกัน ซึ่งติดกับรัฐชิน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของพม่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ประเทศบังกลาเทศได้ผลักดันกลับเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาชายแดน (BGF) และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของพม่า รวมทั้งสิ้น 288 คน กลับไปยังฝั่งพม่า หลังจากที่ทั้งหมดนั้นได้ข้ามไปยังฝั่งบังกลาเทศเพื่อหนีการโจมตีจากกองทัพอาระกัน (Arakan Army – AA) ซึ่งสามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในรัฐอาระกันจากกองทัพพม่า ซึ่งทหารพม่าและข้าราชการอื่นๆรวม 288 คนเหล่านี้ ได้หนีไปยังบังกลาเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
ทางการบังกลาเทศเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถนำอาวุธติดตัวเข้าไปยังบังกลาเทศ โดยการผลักดันกลับพม่าวานนี้ มีเรือของกองทัพเรือของพม่ามารอรับ และการผลักดันกลับเป็นไปด้วยดี ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก็เคยเหตุการณ์ทหารพม่า 330 นาย ข้ามไปยังฝั่งบังกลาเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง สถานการณ์ทหารพม่าในรัฐอาระกันนั้นกำลังอยู่ในช่วงเวลาสุ่มเสี่ยง และเสียฐานทัพไปหลายแห่งให้กับกองทัพอาระกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวในเมืองเล่าก์ก่าย ทางเหนือของรัฐฉาน มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา กองกำลังโกก้าง ซึ่งคุมพื้นที่ในเมืองเล่าก์ก่ายได้ตัดสินประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ของตนจำนวน 3 คน หลังจากที่ทั้งหมดถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรม จับกุมตัวประชาชนเรียกฆ่าไถ่ รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญกรรมออนไลน์
มีรายงานว่า ทหารโกก้างได้นำตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ราย ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตเข้าไปในลานประหาร ซึ่งเป็นป่า ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้น โดยทั้ง 3 คน เป็นนักโทษจากทั้งหมด 10 คน ที่ถูกตัดสินโทษต่อหน้าประชาชนนับพันคน โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตัวแทนนักศึกษาในพื้นที่เข้ามาร่วมฟังการพิพากษาในครั้งนี้ด้วย
ทางด้านสำนักข่าวไทใหญ่ Tai TV Online รายงานว่า หลังการหยุดยิงระหว่างกองทัพพม่าและกลุ่มพันธมิตรที่ปฏิบัติการ 1027 ซึ่งประกอบด้วย กองกำลังโกก้าง MNDAA กองกำลังปะหล่อง TNLA หรือกองกำลังตะอาง และกองทัพอาระกัน AA ปรากฏว่า เริ่มส่อเค้าความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นๆระหว่างกันมากยิ่งขึ้น จากสาเหตุพื้นที่ควบคุมทับซ้อนกัน ล่าสุด กองกำลังปะหล่อง TNLA สั่งให้กองทัพคะฉิ่น KIA ถอนกำลังออกจากหมู่บ้านน้ำอุ๋ม ในเขตเมืองหมู่เจ้ ภายในวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้าย
ก่อนหน้านี้มีเหตุสู้รบระหว่างกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA และกองกำลังโกก้างในเขตเมืองแสนหวี โดยสื่อไทใหญ่วิเคราะห์ว่า เหตุตึงเครียดระหว่างกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากแต่ละกลุ่มต่างเร่งสร้างกองทัพตนให้แข็งแกร่งโดยการบังคับชาวบ้านไปเป็นทหารในกองทัพ หรือการเรียกเก็บภาษีจากชาวบ้าน ล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
อีกด้านหนึ่งสำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ทางการพม่าไม่มีการส่งจดหมายแจ้งหรือเรียกตัวชายที่ถึงวัยเกณฑ์ทหารแล้ว แต่เป็นการบังคับจับกุมตัวแทน โดยในขณะนี้ เริ่มเกิดเหตุการณ์จับกุม ลักพาตัว เยาวชนในหลายเขตพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศอย่างเขตย่างกุ้ง เขตอิรวดี เขตมะกวย และเขตพะโคแล้ว โดยเยาวชนบางส่วนถูกจับตัวไปเป็นทหาร ในระหว่างที่กำลังอยู่ในที่ทำงาน หรืออยู่ตามร้านน้ำชา ตามถนน ขณะที่เยาวชนบางรายถูกจับตัวที่บ้านของตนในยามวิกาล
“พวกเขามีเอกสารทะเบียนบ้าน จึงรู้ว่าบ้านไหนมีผู้อยู่ในวัยเกณฑ์ทหาร เป็นการลักพาตัวที่จู่โจมที่ไม่มีการตั้งตัว คราวที่แล้วผู้คนยังสามารถหลบหนีได้ เพราะมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ฉันได้ยินมาว่าคนที่ถูกลักพาตัว จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจคัดกรองทางการแพทย์ จากนั้นก็ไปที่ศูนย์ฝึกอบรมทหาร เราไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่านั้น” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว
มีรายงานด้วยว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกองทัพพม่าได้จับกุมเยาวชนราว 80 คน ที่อยู่ตามท้องถนน ในเมืองผิ่ว เขตพะโค ทั้งนี้หลังกองทัพพม่าประกาศใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเยาวชนได้หลบหนีออกจากประเทศจำนวนมาก โดยทางการพม่าได้ประกาศว่า มีเยาวชนเข้าเกณฑ์เป็นทหารทั้งสิ้น 14 ล้านคนทั่วประเทศ เหตุที่กองทัพใช้กฎหมายฉบับนี้เนื่องจากกำลังสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก จากการสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆทั่วประเทศ