เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานกรรมการมูลนิธิอิมมานูเอล เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเหยื่อค้ามนุษย์ในเมืองชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ค ร้องขอความช่วยเหลือโดยเป็นชาวต่างชาติ เช่น ยูกันดา เคนยา เอธิโอเปีย โดยมูลนิธิฯได้ประสานขอความช่วยเหลือแต่ยังไม่สามารถออกมาได้อีกประมาณ 18 ราย ก่อนหน้านั้นได้เคยช่วยชาวอินเดีย ฟิลิปปินส์ ประมาณ 100 คน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566
นายจารุวัฒน์กล่าวว่า เหยื่อเหล่านี้ถูกหลอกมาให้ทำงานต้มตุ๋นหลอกลวง เหมือนที่เล่าก์ก่าย คือทำงานเป็นแอดมินโดยบอกให้มาทำงานในไทย โดยเมื่อมาถึงสนามบินดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ ก็จะนั่งรถมาที่แม่สอดและถูกส่งไปในเมืองชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ค ในฝั่งเมียวดี โดยเครือข่ายจีนจะหลอกว่ามาทำงานในประเทศไทย กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อไปถึงและถูกยึดพาสปอร์ต ซึ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่พูด เช่น สวัสดิการจะดี มีเงินเดือนสูง และได้กลับบ้านทุก 20 วัน ที่แท้จริงแล้วต้องถูกให้ทำงานเป็นงานเทคโนโลยี การเทรดหุ้น การสอนคนลงทุน เป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง เมื่อจะขอกลับบ้านแต่ไม่สามารถกลับได้และกักขังหน่วงเหนี่ยว

“ชาวต่างชาติจะถูกทารุณกรรมหนัก ไม่สามารถติดต่อทางบ้านได้ มูลนิธิอิมมานูเอลได้รับอีเมลขอความช่วยเหลือ ขบวนการเป็นคนจีนทั้งหมด ข้อความเร่งด่วนที่ขอความช่วยเหลือ ว่าถูกหลอกมาในพม่า จากที่ให้มาทำงานดูแลลูกค้าสัมพันธ์ในประเทศไทย แต่ไม่ใช่งานอย่างที่คุยกันไว้ จะมีหลักฐาน เว็บสมัครงาน และสัญญาจ้าง ทำให้หลงเชื่อ แต่เมื่อมาถึงไม่ได้ทำที่ตกลงไว้ มีสัญญาปลอม ไม่มีบริษัท กลับกลายว่าอยู่พม่าแล้ว ถูกทำร้ายร่างกาย ให้อดข้าวอดน้ำ ขังในห้องมืด” รองประธานมูลนิธิกล่าว
นายจารุวัฒน์กล่าวว่า เหตุที่ช่วยเหลือออกมาไม่ได้ เพราะร้องเรียนไปหลายช่องทาง และการประสานความช่วยเหลือลำบากเพราะในบางประเทศไม่มีสถานทูตในประเทศไทยและในพม่า กรณีเหยื่อจากเคนยา ยูกันดา เอธิโอเปีย ก็ไม่มีสถานทูตในเมียนมา การเดินทางกลับมาประเทศทางผ่านอย่างไทยก็ยาก
“เคสล่าสุดถูกขังตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันนานกว่า 4 เดือนแล้ว บางรายถูกขังตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว ยังไม่สามารถกลับประเทศได้ แต่คนไทยถูกช่วยออกมาหมดแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด การคาดการณ์จากการประสานงานของ NGO หลายแห่งที่ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ มีจำนวนกว่า 1,000 คน การประสานงานความช่วยเหลือต้องผ่านทางประเทศไทย ดีเอสไอ โดยมีการติดตามเรื่องนี้และได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากหลายชาติมาตั้งแต่ปี 2566 มีการคัดแยกเหยื่อจากทีมสหวิชาชีพ จ.ตาก ไทยเป็นประเทศต้นทางถูกส่งต่อไป กลายเป็นการค้ามนุษย์ในชเวก๊กโก่” รองประธานมูลนิธิฯกล่าว
นายจารุวัฒน์กล่าวว่า ยังมีการช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาจนปัจจุบันโดยมูลนิธิฯได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะปัญหาการค้ามนุษย์นี้มีไทยเป็นประเทศต้นทาง ซึ่งต้องได้รับการแก้ไข อยากให้เน้นย้ำว่า การช่วยเหลือเหยื่อ หากอยู่ในสถานการณ์สงครามเช่นที่เกิดขึ้นในเล่าก์ก่ายจะยากมาก
“แต่ที่นี่ชาวต่างชาติน่าสงสาร เขามาจากประเทศที่ยากจนถูกหลอกมาประเทศที่ 3 การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก การประสานหน่วยงานราชการยากจะเข้าใจ เขามาผ่านบ้านเรา คนไทยต้องช่วยเหลือเขา เราต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ถูกหลอกผ่านบ้าน”รองประธานมูลนิธิฯ กล่าว
ขณะที่ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Reporters กรณีสงครามในเมืองเมียวดีว่า งานนี้หากถามว่าใครแพ้ใครชนะ ตนตอบว่ากลุ่มสีเทาชนะ แต่คงไม่ใช่จุดจบของเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามวันที่ร้อนแรงที่สุดคือ 13-14 เมษายน ที่มีการเชิญธงกะเหรี่ยงขึ้นเสาในฐาน 275 จากนั้น SAC ได้มีการเสริมกำลังเข้ามาโจมตีทางกอกาเร็ก โดยสถานการณ์มาเกิดที่เมียวดีช่วงแรกมีข้อถกเถียงว่ายึดได้100% ได้หรือยัง อย่างไรก็ตาม ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พม่า เจ้าหน้าที่พม่าก็ยังอยู่ จะยึดได้กี่ % ไม่ใช่ประเด็น แต่เมียวดีตกอยู่ในการควบคุมของกะเหรี่ยง คำถามต่อมา กะเหรี่ยงฝ่ายไหน แล้วอยู่ๆ สงครามกลับหยุด ทหารพม่า SAC ที่หนีออกมาสะพาน 2 จู่ๆ ก็มีคนพากลับฐาน
“ผมใช้คำว่า เกี๊ยเซียะ แต่ใครเกี๊ยเซียะใคร ที่เมียวดีกองกำลัง BGF ของ พ.อ.ชิตูที่ใกล้ชิด SAC เป็นที่ทราบว่าหากทหารพม่ามอบตัวให้มอบกับ BGF ยิ่งกว่าดูหนังแล้วพลิกอารมณ์คนดู พลิกในจุดที่คาดไม่ถึง แต่หลายฝ่ายคิดเล่นๆ ว่า SACกับ BGF จะเชื่อมกันได้หรือไม่ กองกำลังกะเหรี่ยงที่ไม่มีเอกภาพมาก แต่ก็เห็นเอกภาพในกองกำลังต่างๆ จุดพลิกคือหากกะเหรี่ยงชนะ SAC เพลี่ยงพล้ำตัวแปรจะอยู่ที่ BGF” ศ.สุรชาติกล่าว
ศ.สุรชาติกล่าวว่าการพลิกผันนี้ ตลอดช่วงสงครามมี 2 ชื่อ คือชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก ถ้าเล่าก์ก่ายเป็นปัญหา ชเวก๊กโก่และเคเคปาร์คใหญ่กว่าอีกหลายเท่า กรณีเล่าก่ายรัฐบาลจีนเอามือล้วงเข้าไปแก้ปัญหาจบแล้วนำตัวหลักไปดำเนินคดีในจีน ซึ่งมีทั้งคอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด กลุ่มอาชญากรรมจีนเทาที่เคยใช้กัมพูชาเป็นฐานตอนนี้ย้ายมาเมียวดี แม้เกิดสงครามรบกันแต่ไม่กระทบชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก
“งานนี้สีเทาชนะ คือจีนเทา พม่าเทา ไทยเทา และกะเหรี่ยงเทา โดยเฉพาะกรณี BGF เป็นความซับซ้อนที่เรายังไม่เห็นรัฐบาลไทยพูดเรื่องนี้ การเจรจาสันติภาพเมียนมาต้องพ่วงโจทย์จีนเทาเพราะเป็นภัยคุกคามของไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก อย่าบอกว่าไม่เกี่ยว ผมก็ยังโดนโทรมาหลอกว่าส่งพัสดุ สันติภาพเมียนมาคือการช่วยเพื่อนบ้าน แต่จะแก้ไม่ได้หาก ชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก ยังเป็นแหล่งอาชญากรรม ใหญ่ที่สุดของโลก”ศ.สุรชาติ กล่าว
นักวิชาการด้านความมั่นคงกล่าวว่า ต้องชวนข้าราชการระดับสูงไปดูพื้นที่ชายแดนแม่สอด เพราะสื่อมากมายถ่ายรูปมาเห็นไฟสว่าง เสมือนหนึ่งว่าไม่ใช่พื้นที่ภาวะสงคราม ถ้ายังเปิดบ่อนกันแบบนี้เวทีสันติภาพควรเข้าไปอยู่ในบ่อนเลยหรือไม่ สงครามกลับถูกต่อรองด้วยผลประโยชน์ ขณะที่ทางการจีนจับจีนเทาจากเลาก่ายได้และไต่สวนได้ข้อมูลมากมายท รัฐบาลของสีจิ้นผิงอึดอัดพเราะหลายคนที่ถูกหลอก ถูกฆ่าตัวตาย เป็นโศกนาฏกรรม ดังนั้นโต๊ะเจรจาต้องไม่ทิ้งเรื่องนี้
ศ.สุรชาติ กล่าวว่าตอนนี้ต้องยอมรับว่าเราเป็นทางผ่าน ได้ยินว่าที่เคเคปาร์ค มีคนอยากกลับเพราะถูกหลอกไปทำงานโดยข้ามแม่น้ำเมยไปยังพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตอธิปไตยของไทย แต่มีคนที่ติดอยู่ทั้งค้ามนุษย์และถูกหลอกลวง ประเด็นนี้รัฐบาลไทยต้องนั่งคุยกับรัฐบาลจีน เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนเพราะเครื่องบินจีนมารับคนของเขา โดยโจทย์สันติภาพเมียนมาไม่ใช่เหมือนยุคกัมพูชา
“พื้นที่ติดบ้านเราแล้วจะเอาอย่างไร เสาสัญญาณก็เห็นอยู่ ตัวละครต่างๆ ต้องถูกเปิด ไทยต้องหยุดการทำหน้าที่ผู้สนับสนุนหลักด้าน logistics ให้จีนเทา หยุดการส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต เราไม่ทำไม่ได้ ต้องยอมรับคนไทยถูกหลอก ทางเดียวจะหยุดได้คือทลายชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก ผมอยากเห็นมิติความมั่นคงที่ใหม่ที่สุด วันนี้ตัดสัญญาณเน็ตเลย”ศ.สุรชาติ กล่าว

ศ.สุรชาติกล่าวว่า โจทย์สันติภาพเมียนมาถือว่าท้าทาย ถ้าจะเปิดโจทย์ทำไมไม่เริ่มด้วยการปราบอาชญากรรม เมื่อเปิดด้วยการให้ความช่วยเหลือมนุษธรรม เป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจน 25 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ตอนส่งกองทัพบกไทยก็ปฏิเสธแผนของ KNU กลับไปใช้บริการ BGF ที่มีบทบาทน่าเคลือบแคลง แล้วอิงไปกับผู้แทนของ SAC ในการแจก เรื่องนี้ไม่มีอะไรยากกว่าแจกของแล้ว แต่แจกของกลับเป็นปัญหาอีก แจกเสร็จกลายเป็นความหวาดระแวงไทยที่เพิ่มขึ้น ไทยต้องกลับมาใคร่ครวญใหม่
“แค่แจกของยังมีปัญ หากไปทำเรื่องสแกมเมอร์คงยิ่งมีปัญหา เพราะไทยเทาไม่ธรรมดา พม่าเทาก็ไม่ธรรมดา จีนเทาเรารู้บางส่วนก็ไม่ธรรมดา เราเห็นกรณีแค่บัญชีม้าที่ทะเลาะกันในตำรวจ อยู่ในนี้ด้วยมั้ย คำตอบคือใช่เลย กวาดล้างนักการพนันก่อนมั้ย แต่กลับกลายเป็นยากที่สุด”ศ.สุรชาติกล่าว
นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า ตนสงสัยว่าผู้ที่มีข้อมูลมากที่สุดคือรัฐบาลจีน เชื่อว่าเขารู้ว่าระดับสูงในพม่าใครรับผลประโยชน์ ข้อมูลที่จีนได้หากพาดพิงระดับสูงในไทย กลุ่มอำนาจไทย เชื่อว่าตอนนี้จีนมีข้อมูลหมด ในกองทัพพม่าผมเชื่อว่าจีนถือข้อมูลที่สำคัญ กรณี BGF เมื่อไทยใช้บริการก็เกิดความแคลงใจ วันที่ 25 มีนาคมต้องสรุปบทเรียน ไทยต้องไม่เดินตามรอยเดิม การช่วยเหลือรอบสองต้องไม่มีทีมกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพบกทำ ต้องเอาคนออก
เมื่อถามถึงปัญหาผลประโยชน์ใน คือชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก อาจทำให้กองกำลังชาติพันธุ์แตกแยกกันอีกรอบหรือไม่ ศ.สุรชาติ กล่าวว่าชัยชนะเหนือเมียวดีคือสีเทา เห็นชัดว่าคือการต่อรองของกลุ่มสีเทาทั้งหมด แล้วเอกภาพของกลุ่มกะเหรี่ยงจะอย่างไร หาก KNU ยอมให้ BGF ดูแลเมียวดี คือชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก แต่ปัญหาคือพื้นที่อาชญากรรมใหญ่ที่สุดของโลกอยู่ในเขตกะเหรี่ยง พี่น้องกะเหรี่ยงเองจะถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสีเทาหรือไม่
