Search

กสม.แฉผู้ลี้ภัยกว่า 8 หมื่นคนในค่ายพักพิงชายแดนอยู่อย่างไร้ความหวัง ไม่สามารถออกไปทำงาน-เรียนข้างนอกได้ แนะ 3 ข้อเสนอให้ สมช.-มท.-กต.เร่งแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 นางปรีดา   คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีสถานการณ์ปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวหลายแห่งที่ส่งผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนหลายประการ ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนว่าครอบครัวพำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ จังหวัดตาก พบปัญหาสุขภาพย่ำแย่ ขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถประกอบอาชีพได้

นางปรีดากล่าวว่า กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริง บทบัญญัติของกฎหมาย มาตรฐานสิทธิมนุษยชน  และรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า รัฐบาลไทยกำหนดให้ผู้หนีภัยการสู้รบมีสถานะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มเปราะบางต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยควบคุมดูแลและผ่อนผันให้อาศัยอยู่เฉพาะในพื้นที่พักพิงชั่วคราวซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษเฉพาะ ตั้งแต่ปี 2527 และยุบรวมเหลือพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพียง 9 แห่ง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี โดยพบว่า ผู้หนีภัยการสู้รบที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 82,000 คน (UNHCR, มีนาคม 2567) ประสบปัญหาไม่ได้รับการปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนหลายประการ

1. การควบคุมให้อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวเป็นเวลานานอย่างไม่มีกำหนด กว่า 40 ปีที่ผู้หนีภัยการสู้รบต้องถูกควบคุมตัวในพื้นที่พักพิงชั่วคราวอย่างไร้ความหวังที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยเหตุผลที่การรับผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวไปตั้งถิ่นฐานใหม่เป็นไปอย่างจำกัด ประกอบกับการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ทำให้โครงการส่งกลับมาตุภูมิโดยสมัครใจต้องยุติลง นอกจากนี้เด็กผู้หนีภัยรุ่นลูกหลานที่เกิดและเติบโตในพื้นที่พักพิงชั่วคราวมานาน รวมทั้งเด็กที่พลัดพรากจากครอบครัว ไม่มีแนวคิดจะกลับไปใช้ชีวิตในเมียนมา และแม้ผู้หนีภัยจะมีความรู้และทักษะอาชีพต่าง ๆ แต่ไม่มีโอกาสที่จะนำศักยภาพที่มีอยู่มาใช้พัฒนาชีวิตและครอบครัว ทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ผิดหวัง และมีความทุกข์ในการใช้ชีวิตอยู่     

2. ปัญหาสิทธิและสถานะบุคคล การจำแนกผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวให้มีสถานะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มเปราะบางต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ผู้หนีภัยเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและถูกส่งกลับประเทศไปเผชิญอันตรายได้ และยังทำให้รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด เช่น กรณีผลจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 ที่ยกเว้นการให้สิทธิอาศัยผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราว แต่ให้คนต่างด้าวกลุ่มอื่น ๆ ที่อพยพและอาศัยอยู่มานานมีสิทธิอาศัย โดยให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายมีถิ่นที่อยู่ถาวร จึงเกิดความเหลื่อมล้ำ และกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของกลุ่มผู้หนีภัย

3.การถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ การที่รัฐบาลไทยไม่ผ่อนปรนให้ผู้หนีภัยออกไปทำงานภายนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยจึงต้องลักลอบออกมาทำงาน เช่น มาเป็นแรงงานภาคเกษตรกรรมในชุมชนใกล้เคียง และจำต้องยินยอมให้ถูกเอารัดเอาเปรียบค่าจ้าง หรือถูกเรียกรับเงินไม่ให้ถูกจับกุมเมื่อเดินทางออกนอกพื้นที่ จึงเกิดความเครียดสะสมจากการถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

4.การเข้าไม่ถึงมาตรฐานการครองชีพ ผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละไม่ได้รับอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ มีภาวะขาดสารอาหาร และยังพบภาวะคลอดก่อนกำหนด ขณะที่องค์การนอกภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือค่าดำรงชีพแก่ผู้หนีภัยก็สามารถสนับสนุนอัตราค่าดำรงชีพต่อรายได้เพียงเดือนละ 350 บาท หรือ วันละ 10 – 12 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้หนีภัยยังไม่สามารถเข้าเรียนในระบบการศึกษาไทยตามสถานศึกษาต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับคนต่างด้าวกลุ่มอื่น ๆ  แต่ศึกษาได้ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวตามหลักสูตรการศึกษาของเมียนมาเท่านั้น

“ด้านสุขภาพ ผู้หนีภัยมีแนวโน้มเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตสูงขึ้น แต่ไม่มีจิตแพทย์เข้าไปให้คำปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ผู้หนีภัยยังประสบเหตุอัคคีภัยบ่อยครั้งและยังพบปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศด้วย” นางปรีดา กล่าว

นางปรีดากล่าวว่า ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม.จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ ดังนี้         

1.ข้อเสนอแนะระยะเร่งด่วน ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)และกระทรวงมหาดไทย(มท.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ประสานความร่วมมือด้านการต่างประเทศเพื่อส่งตัวผู้หนีภัยไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 โดยเร็ว และให้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านสาธารณสุขให้แก่ผู้หนีภัย เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การจัดระบบประกันสุขภาพ รวมทั้งจัดให้มีจิตแพทย์เข้าไปบริการรักษาสุขภาพจิต นอกจากนี้ให้มีกลไกการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่พักพิงชั่วคราวอย่างเคร่งครัด พัฒนามาตรการระวังภัยและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น จัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยไม่ให้แออัด จัดให้มีแสงสว่างและเวรยามรักษาการณ์ที่เพียงพอ ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในจุดเสี่ยง รวมทั้งจัดให้มีอุปกรณ์ระงับเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ตู้ยาสามัญ เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) รวมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การก่อสร้าง ที่พักโดยปรับเปลี่ยนการใช้วัสดุธรรมชาติเป็นวัสดุอื่นที่ทนทานต่อการติดไฟ

2. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ให้ สมช.และมท. กระทรวงแรงงาน คณะกรรมการผู้หนีภัย และองค์การนอกภาครัฐ สำรวจข้อมูลประชากรในพื้นที่พักพิงชั่วคราวทุกคนเพื่อดำเนินงานด้านนโยบาย ทั้งในส่วนข้อมูลของผู้หนีภัย เช่น ความประสงค์ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 สมาชิกในครอบครัวในเมียนมา การศึกษาหรือทักษะอาชีพต่าง ๆ ข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น ประเภทแรงงานที่ยังขาดแคลน ตลาดแรงงานที่เหมาะสมกับการจ้างงานผู้หนีภัย รวมทั้ง ข้อมูลจากองค์การนอกภาครัฐที่สนับสนุนให้ความช่วยเหลือ เช่น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายต่อผู้หนีภัยที่เหมาะสมกับสถานการณ์

ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลจากการสำรวจข้างต้นมาพิจารณากำหนดนโยบายทั้งด้านสิทธิและสถานะบุคคลด้านการศึกษา และด้านการจ้างงานและการมีรายได้ โดยให้สิทธิผู้หนีภัยที่ไม่ประสงค์ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สามเป็นผู้มีสถานะคนต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นการชั่วคราว รวมทั้งมีมาตรการทางเลือกสำหรับผู้หนีภัยที่ไม่มีเครือญาติในประเทศต้นทาง สามารถเข้าสู่กระบวนการสำรวจจัดทำบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน กำหนดนโยบายรองรับผู้หนีภัยได้เข้าเรียนในระบบการศึกษาของไทยทุกระดับชั้น รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ผู้หนีภัยมีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน และควรผ่อนปรนให้สามารถเดินทางออกจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อมาทำงานหรือเพื่อเข้าเรียนในสถานศึกษาได้  นอกจากนี้ ให้มีการส่งเสริมรายได้โดยจัดหาตลาดจำหน่ายสินค้าของผู้หนีภัย เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หรือสินค้าหัตถกรรม ด้วย ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ต้องครอบคลุมถึงการป้องกันการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบต่อผู้หนีภัยด้วย

3. กสม. ร่วมกับ AICHR Thailand รับฟังความคิดเห็นระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการจัดทำร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิในสิ่งแวดล้อม เตรียมเสนอที่ประชุมอาเซียนรับรอง

On Key

Related Posts

USIPแนะไทยชิงธงนำปราบปรามแหล่งอาชญากรรมริมเมย ชี้มีนาคมอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่-จีนจับชิตู เชื่อแดนมังกรต้องการขยายอิทธิพลเปิดช่องให้รัฐบาลทหารพม่ากุมพื้นที่ ขณะที่ 32 เหยื่อชาวอินโดฯหนีข้ามแดนทะลักไทย

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 นายเจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำRead More →

แหล่งอาชญากรรมริมเมยป่วนหลังถูกกดดันหนัก มาเฟียจีนพล่าน-ชักไม่มั่นใจกองกำลังกะเหรี่ยงเทา เตรียมฉวยจังหวะช่วงตรุษจีนกลับประเทศ แนะรัฐสบช่องเก็บข้อมูลแก๊งอาชญากร

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 แหล่งข่าวด้านความมั่นคงRead More →

ทัวร์จีนเมืองชายแดนป่วน นักท่องเที่ยวแดนมังกรหายไป 80% ผู้ประกอบการโอดกรุ๊ปทัวร์ยกเลิกแทบเหี้ยน เผยโลกโซเชียลจีนกระหึ่มหวาดกลัวหนัก เชื่อคนหายนับแสนราย ตั้งคำถามทำไมช่วยไม่ได้เหมือน “ซิงซิง”

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จาRead More →