
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 7.30 น. ที่หาดทรายฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านสบเมย ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการจัดพิธีนมัสการพระเจ้า เนื่องในโอกาสที่กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army-KNLA ) แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) กองพล 5 และกองกำลังฝ่ายปฏิวัติ ได้ร่วมกันยึดฐานทหารพม่า ของสภาบริหารรัฐพม่า (SAC) ฐาน “ซูแมท่า” ได้สำเร็จเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้ริมแม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทยพม่า ไม่มีฐานทหารพม่าอยู่อีกแล้ว
ทั้งนี้กิจกรรมนมัสการพระเจ้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เข้าร่วมประมาณ 150 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้นำชุมชนชาวกะเหรี่ยงและชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งต่างมีความยินดีที่ฐานทหารพม่าได้หมดไปแล้วจากริมแม่น้ำ ทำให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างไม่ต้องหวาดกลัวอันตราย สามารถค้าขายได้ดีขึ้น ทั้งน้ำผึ้งป่าสาละวิน และปลาสาละวิน
ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ช่วงหลายปีที่กองทัพพม่าส่งทหารมาคุมที่ “ซูแมท่า” ตรงข้ามบ้านสบเมย ทำให้ประชาชนสัญจรไปมาลำบากมาก ขับเรือผ่านด่านก็หวาดกลัวว่าทหารพม่าจะยิง
“ตอนที่ทหารพม่าอยู่ ชาวบ้านกลัวมาก เขายิงปืนใหญ่กระสุนลงหมู่บ้าน ทำร้ายคุกคามชาวบ้านต่างๆ นาๆ ตอนนี้ทหารกะเหรี่ยงเอาฐานพม่าออกไปได้เราอุ่นใจและสบายใจ วันนี้เรามาจัดพิธีนมัสการให้พระเจ้าคุ้มครอง ให้เป็นแผ่นดินของเราที่สงบร่มเย็น ”ชาวบ้าน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าฐาน “ซูแมท่า “เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากเป็นจุดบรรจบที่แม่น้ำเมย พรมแดนไทยพม่า ไหลลงสู่แม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่แม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นพรมแดนไทยพม่าเช่นกันไหลกลับเข้าสู่พม่า โดยในช่วงระยะเวลาราว 30 ปีที่ผ่านมากองทัพพม่าได้ส่งทหารเข้ามาตั้งฐานตลอดแนวแม่น้ำสาละวิน ทั้งหมด 14 จุด ซึ่งเป็นสาเหตุของการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายประการโดยทหารพม่า อาทิ การรีดนาทาเร้น กรรโชกทรัพย์ สังหาร ข่มขืน
แหล่งข่าวด้านความมานคงชายแดน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่าสถานการณ์ในรัฐกะเหรี่ยงรอบๆ เมืองผาปูน ที่กองกำลังของ KNU ยึดได้ในเดือนเมษายนเช่นเดียวกัน ยังคงมีความรุนแรง เนื่องจาก SAC ยังส่งเครื่องบินรบของพม่า เข้ามาเรื่อยๆ และมีการทิ้งระเบิดแทบทุกวัน ทำให้ประชาชนที่ต่างต้องหนีการโจมตีของพม่าไปอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่น IDP camps ที่ KNU จัดไว้ให้ในป่า และต้องเผชิญความขาดแคลนอย่างสาหัส ชาวบ้านผู้พลัดถิ่นขณะนี้เรียกได้ว่าขาดแคลนทุกอย่าง ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในอุทยานสันติภาพสาละวิน Salween Peace Park ขณะนี้มีผู้พลัดถิ่นจำนวนหลายหมื่นคน ต้องอยู่กันกระจัดกระจาย
นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน กล่าวว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการบริจาคสิ่งของจำเป็นและความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้แก่ผู้พลัดถิ่นในเขตอุทยานสันติภาพสาละวิน ซึ่งปัจจุบันกระจายอยู่ตามลำห้วยต่างๆ และขาดแคลนเป็นอย่างยิ่ง
“มีผู้ใจบุญ จากหลายๆ จังหวัด เมื่อทราบข่าวก็ส่งของมาให้ มีทั้งอาหาร และของใช้จำเป็น มุ้ง เปลสำหรับผูกในป่าให้เด็กๆ กลุ่มจิตอาสาในพื้นที่ก็ช่วยกันส่งไป แต่ที่ลำบากคือค่าใช้จ่ายในการจัดส่งความช่วยเหลือ ค่าน้ำมันรถ น้ำมันเรือ ซึ่งแพงมาก” ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าว