เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดตาก ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ส่งคนลาว 14 คนกลับประเทศต้นทางไปทางด้านอำเภอเชียงแสน หลังจากที่ได้รับตัวคนกลุ่มนี้มาจากสถานีตำรวจภูธรพบพระที่จับกุมดำเนินคดีและควบคุมตัวตั้งแต่ต้น รวมทั้งขั้นตอนคัดกรองต่างๆก็เห็นเรื่องที่สถานีตำรวจพบพระดำเนินการซึ่งตนไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพียงแต่ตามขั้นตอนแล้ว คนต่างด้าวที่ถูกดำเนินคดีแล้วก็ต้องส่งมาที่ ตม.เพื่อผลักดันกลับ
“กรณีคนลาวทั้ง 14 คนนี้ผ่านขั้นตอนกระบวนการใดๆหรือไม่ ต้องตรวจสอบไปที่โรงพักพบพระ แต่ในส่วนของตม. ไม่ได้เกี่ยวกับการสอบสวนใดๆ เพราะเขาดำเนินคดีเสร็จไปแล้ว เรามีหน้าที่แค่บันทึกข้อมูลลงระบบเพื่อเตรียมส่งกลับไปประเทศต้นทาง ซึ่งเราส่งกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมไม่รู้ว่ากรณีนี้เขาถูกหลอกหรือเป็นเหยื่อหรือไม่ เพราะเรารับมาจากสถานีตำรวจพบพระ เมื่อสภอ.พบพระพบเห็นเป็นคนแรกก็ต้องเป็นคนซักถามและคัดกรอง”พ.ต.อ.บวรภพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คนลาวจำนวนไม่น้อยเข้าไปทำงานในพื้นที่คิงส์โรมันส์ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 เหลี่ยมทองคำที่มีจ้าวเหว่ยเป็นผู้ที่ได้รับสัมปทานจากทางการลาว หลังจากนั้นคนลาวกลุ่มนี้ถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์และแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และได้ถูกขายต่อภายหลังจากที่ทางการจีนได้เอาจริงในการปราบปรามจีนเทาในภูมิภาคนี้ ทำให้แหล่งอาชญากรรมในคิงส์โรมันส์ได้ย้ายฐานไปยังริมแม่น้ำเมยในเมืองเมียวดี ขณะที่กลุ่มคนงานลาวที่ถูกหลอกได้ถูกขนย้ายไปยังแหล่งอาชญกรรมเกิดใหม่ของ “โกไซ” บริเวณตรงข้ามกับบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลัง DKBA(Democratic Karen Buddhist Army:กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กว่า 1 ปีที่บรรดาญาติพี่น้องของคนลาวที่ตกเป็นเหยื่อพยายามเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆทำการช่วยเหลือ รวมทั้งร้องขอมายังบางหน่วยงานของทางการไทย เนื่องจากผู้นำ DKBA มีความสนิทสนามกับคนในเครื่องแบบระดับสูงในพื้นที่ของไทย แต่เรื่องกลับเงียบหายไป จนในที่สุดทางญาติของเหยื่อต้องยอมเสียเงินเพื่อขอไถ่ตัวจากผู้นำ DKBA จนในที่สุดสามารถนำตัวคนลาวทั้ง 14 คนออกไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการช่วยเหลือชาวต่างชาติออกมาจากแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดีในช่วงที่ผ่านมา มักถูกปกปิดเป็นความลับมาโดยตลอดโดยหน่วยงานของทางการไทยอ้างความปลอดภัยของเหยื่อและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างประเทศ แต่โดยข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งคือหลายหน่วยงานในฝั่งไทยหวั่นเกรงในเรื่องผลกระทบที่จะตามมาเนื่องจากขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มจีนเทาต่างติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยบางหน่วยงานเพื่อคอยอำนวยความสะดวก ทำให้เมื่อช่วยเหลือเหยื่อต่างชาติออกมาได้ มักส่งกลับประเทศต้นทางในทันทีเพราะหากมีการสืบสาวหาข้อเท็จจริง อาจเชื่อมโยงไปถึงข้าราชการในบางหน่วยงาน
ขณะที่สำนักข่าว RFA รายงานเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเหยื่อชาวลาว 14 ราย ได้ออกมาจากแหล่งอาชญากรรมสัญชาติจีนริมแม่น้ำเมย ในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก โดยกำลังเดินทางกลับบ้านในลาว โดยอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้ปกครอง ว่าหนุ่มสาวชาวลาวถูกค้ามนุษย์เพื่อทำงานเป็นนักต้มตุ๋นในสถานที่ที่เรียกว่า “คาสิโนโกไซ” ในพื้นที่ใกล้เมืองเมียวดี ชายแดนไทย ซึ่งถูกแก๊งที่ควบคุมตัวเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการค้ามนุษย์ขนาดมหึมาที่มีเหยื่อกว่า 150,000 รายในแต่ละปีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มารดาของ 1 ในเหยื่อให้สัมภาษณ์ว่าลูกชายของเธอแจ้งให้ทราบว่าเขาและเหยื่ออีก 13 คนได้รับการปล่อยตัวเมื่อเช้าวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเดินทางข้ามพรมแดนจากเมียวดี
“เรามีความสุขมากที่ได้รู้ว่าลูกๆ ของเราได้รับการปล่อยตัวแล้ว พวกเราบางคนถึงกับน้ำตาไหล” ผู้เป็นแม่ที่ให้สัมภาษณ์โดยปกปิดตัวตน และว่า ทั้งหมดกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ตอนนี้พักอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
RFA ระบุว่าชาวลาวทั้ง 14 คนต้องจ่ายเงินเกือบคนละ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 7,000 บาท) สำหรับเรือข้ามแม่น้ำเมย รวมถึงค่าธรรมเนียมการดำเนินการเอกสารให้กับตำรวจในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินเล็กน้อยสำหรับคนหนุ่มสาว ซึ่งต่างถูกล่อลวงจากประเทศลาวที่ยากจนมาที่คาสิโนโดยหวังว่าจะหางานทำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของไทยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าชาวลาวกลุ่มดังกล่าวอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตม.
“ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่กับเราที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากและเราดูแลอยู่ พ่อแม่และญาติๆ หยุดกังวลได้ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และเราแค่รอส่งกลับบ้าน” เจ้าหน้าที่กล่าว โดยไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้ว่า 14 คนได้รับการช่วยเหลือมาได้อย่างไร หรือจะสามารถเดินทางกลับลาวได้เมื่อใด
ทั้งนี้คนหนุ่มสาวลาวจำนวนมากเดิมทีได้หางานในคาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย แต่กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และถูกควบคุมตัวไว้ที่คาสิโนโกไซ โดยเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่พ่อแม่ของเหยื่อส่งข้อความวิงวอนถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในลาวและเมียนมา ก่อนที่ลูกๆ จะได้รับการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีข่าวการกลับบ้าน แต่ไม่ใช่พ่อแม่ของเหยื่อทุกคนที่สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้แม่ของเหยื่อเพศหญิงอายุ 18 ปีจากแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งในตอนแรกถูกควบคุมตัวพร้อมกับกลุ่มเหยื่อ 14 ราย แต่เธอหายตัวไปเมื่อเกือบ 1เดือนที่ผ่านมาและกล่าวว่าเธอเชื่อว่าลูกสาวของเธอถูกขายให้กับแก๊งค์อื่น
“ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในตอนนี้ ท่ามกลางข่าวอันน่ายินดีที่คนงานหนุ่มชาวลาวได้รับการปล่อยตัวจากคาสิโนแล้ว ถ้าลูกสาวของฉันยังอยู่ที่นั่นกับอีก2-3คน ฉันก็จะกังวลน้อยลง สิ่งที่ฉันและสามีต้องการคือการได้กลับมาพบกับลูกสาวของเราอีกครั้ง”แม่ของเหยื่อชาวลาว กล่าว
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว เด็กสาววัยรุ่น 2 คนได้รับการปล่อยตัวจากคาสิโนหลังจากจ่ายค่าไถ่ 40,000 หยวน (5,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณสองแสนบาท) เพื่อให้ได้อิสรภาพ โดยเดินทางกลับบ้านที่หลวงน้ำทาเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา