เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเครือข่ายภาคประชาชนโดยเฉพาะที่ทำงานด้านชาติพันธุ์ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาได้ที่มีชายแต่งกายชุดดำคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐองค์กรหนึ่งจำนวน 3 คนเข้าไปในไร่หมุนเวียนของชาวบ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยได้ทำลายทรัพย์สินในไร่หมุนเวียน เช่น ถ้วย ชาม จอบ เสียม ถังเก็บน้ำ รวมทั้งปล่อยน้ำออกจากถังสำรองซึ่งชาวบ้านเก็บไว้ดับไฟป่าจนหมด นอกจากนี้ยังมีการจงใจทำลาย “จื่อ ลอ มวา ข่อ” (พื้นที่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในไร่หมุนเวียน)ซึ่งเป็นจุดปักหมุดเรียกฝนจากเทพแห่งฝน
ทั้งนี้เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำดังกล่าว ส่งผลต่อกระทบต่อความรู้สึก ความเชื่อ คุณค่าของชุมชนกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเกิดความไม่สบายใจ และรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งหน่วยงานราชการ ภาคประชาสังคม และเครือข่ายชุมชนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ได้มีการขับเคลื่อนประเด็นการลดอคติทางชาติพันธุ์ เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยที่มีความเคารพและยอมรับความหลากหลายวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 นโยบายว่าด้วยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และปัจจุบันกำลังร่วมกันผลักดัน พระราชบัญญัติคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง

แถลงการณ์ระบุว่า ข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1. ขอประณามการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ว่าเป็นการกระทำที่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรม ไร้มนุษยธรรม เป็นการทำลายทรัพย์สิน มรดกทางวัฒนธรรม พื้นที่จิตวิญญาณ และจิตใจของชาวกะเหรี่ยง
2. ขอให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชุมชนบ้านห้วยหินลาดในเป็นการเร่งด่วน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสะเทือนใจและจิตวิญญาณของคนในชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่เขตวัฒนธรรมพิเศษหรือคุ้มครองทางวัฒนธรรมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วยแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และเป็นพื้นที่ต้นแบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับรางวัลทั้งระดับชาติและนานาชาติ

3. หน่วยงานรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหากมีหน่วยงานที่ชายชุดดำดังกล่าวสังกัด ต้องมีมาตรการในการติดตาม สอบสวนเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด
4.หน่วยงานรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องนำผู้กระทำผิดมาขอขมาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ “จื่อ ลอ มวา ข่อ” พื้นที่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในไร่หมุนเวียนซึ่งเป็นจุดปักหมุดเรียกฝนจากเทพแห่งฝนในไร่หมุนเวียน มิเช่นนั้นหากเกิดเหตุอาเพศ หรือฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลต่อผลผลิตในไร่หมุนเวียน ผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ
5.ควรมีการกำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อสร้างกลไกในการปกป้องคุ้มครองวิถีวัฒนธรรมชุมชนที่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่เขตคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชาติพันธุ์ทั้ง 23 แห่ง เพื่อมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

6. ขอให้สังคมไทยและสื่อมวลชนได้นำบทเรียนจากกรณีนี้สื่อสารสู่สาธารณะ เพื่อเรียนรู้เข้าใจถึงการมีอยู่ของอคติทางชาติพันธุ์ในสังคมไทยและร่วมกันแสวงหาแนวทางเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรมไทย ด้วยความเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม
7. เครือข่ายกะเหรี่ยงฯ ขอเป็นกำลังใจให้กรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์บรรลุเป้าหมายของการคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่แท้จริง


ขอบคุณภาพจากเฟสบุค Prasit Siri