Search

เมื่อไทยจะเป็น “ฮับ”คาสิโน อ่านมุมสะท้อนจาก ศ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี 

ช่วงต้นเดือนเมษายน 2567 คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของคณะกรรมการวิสามัญที่พิจารณาศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) และในเนื้อหารายงานพูดถึงกาสิโนถูกกฎหมายในฐานะธุรกิจส่วนหนึ่งใต้ร่มสถานบันเทิงครบวงจรที่รัฐบาลคาดหวังจะผลักดัน ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายจากทั้งประชาชน นักการเมือง นักกฎหมาย นักวิชาการ ฯลฯ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กระทรวงการคลังศึกษาความเป็นไปได้ในรายงานฉบับนี้และให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน

มุมมองของ ศ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งทำวิจัยและเขียนหนังสือเรื่องทุนนิยมคาสิโน และกำลังวิจัยเรื่อง “เขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามชาติจีนในอาเซียน: ทุนเปลี่ยนรูป, ปฏิบัติการของโครงสร้างพื้นฐานและขุมข่ายเศรษฐกิจหลากขนาด” จึงน่าสนใจยิ่ง

อ.ปิ่นแก้วมองว่า ผู้ที่ผลักดันครั้งนี้ส่วนใหญ่ชอบอ้างโมเดลสิงคโปร์กับมาเลเซีย แต่ถ้าไทยทำแนวโน้มที่ไทยจะเป็นคือแบบฟิลิปปินส์กับกัมพูชาเพราะการบังคับใช้กฎหมายหรือปัญหาที่คาราคาซังในปัจจุบัน รัฐบาลก็ยังจัดการกันไม่ได้ แนวโน้มรัฐบาลไทยน่าจะเดินตามแนวทางฟิลิปปินส์กับกัมพูชาซึ่งการจะผลักดันโครงการพวกนี้ต้องไปศึกษาบทเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน 

การทำคาสิโนพนันออนไลน์และ onsite ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ลองทำกันเกือบหมดแล้ว เป็นการคิดสั้นแบบไทยหรือรัฐบาลไทยคิดสั้นแบบเขา ทั้งที่มีล้มเหลวทั้งในฟิลิปปินส์และกัมพูชา 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า วิธีการต้องการรวยทางลัดมันมีบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่อยากจะเตือนคือเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ลูกค้าใหญ่การพนันคาสิโนคือจีน เนื่องจากจีนแบนคาสิโน ยกเว้นในมาเก๊าซึ่งก็มีปัญหามาก คนจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ในทุกบ่อน กลุ่มทุนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็กลุ่มทุนจีนทั้งเทาและไม่เทา สิ่งที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับฟิลิปปินส์และกัมพูชา

“ในฟิลิปปินส์สมัยโรดริโก ดูแตร์เต้ ประธานาธิบดีคนที่แล้ว ซึ่งเป็นคนเปิดฟรีนโยบายให้คาสิโนออนไลน์ สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2016 คือเปิดไลเซ่นส์ในเมืองใหญ่หลายๆเมืองให้ตั้งคาสิโนได้ ต่อให้เป็นคาสิโนออนไลน์ก็ต้องมีบริษัท เป็นทั้งคอมเพล็กซ์และไม่ใช่คอมเพล็กซ์ กรณีนายเฉอเจ้อเจียงที่โดนตำรวจจีนจับตัวไป เขาก็ทำธุรกิจคาสิโนมาก่อนในฟิลิปปินส์ เพราะฉะนั้นฟิลิปปินส์เคยเป็นแหล่งใหญ่มากซึ่งกลุ่มทุนที่ลุงทุนใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ก็คือกลุ่มคนจีน 

“กลุ่มทุนนี้ก็จะมีทั้งกลุ่มที่ทำแต่คาสิโนกับทำนอกกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมารายได้มันเยอะมากทั้งที่เป็นเงินเทาและไม่เทา รายได้สูงเป็นอันดับ 3 รองจากภาษีที่รัฐได้ จากไม่กี่ล้านเปโซถึง 3-4 พันล้านเปโซภายในเวลา 1-2 ปี รูปแบบอย่างนี้เคยเกิดขึ้นทั้งในฟิลิปปินส์และกัมพูชาจะมีการหลั่งไหลเข้ามาของคนจีน ในฟิลิปปินส์เข้าไปถึง 1.3 แสนคน ทั้งที่ทำงานถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย 

“ผลกระทบกับผู้คนหลังมีธุรกิจผิดกฎหมายเกิดขึ้นเต็มไปหมดคือผลักดันให้อสังหาริมทรัพย์ราคาสูงขึ้น ประชาชนไม่สามารถมีเงินซื้อที่อยู่อาศัยได้เพราะว่าเกิดการปั่นแล้วกลายเป็นที่อยู่อาศัยของพวกคนจีน 1-2แสนคน รายได้ที่มาจากคาสิโนมันไม่กระจายไปสู่ประชาชน พอผ่านไปไม่กี่ปีก็เกิดปัญหาใหญ่ อาชญากรรม ฆาตกรรม สุดท้ายรัฐบาลจีนก็บีบให้รัฐบาลมะนิลาจัดการกับพวกธุรกิจผิดกฎหมายพวกนี้ ซึ่งในยุคดูแตร์เต้ก็ทำแค่ปิดพวกที่ไม่มีไลเซ่นส์ พวกที่คอร์รัปชั่นกันมา แต่ในยุคประธานาธิบดีคนถัดมา มาร์กอส จูเนียร์ เป็นรัฐบาลก็สั่งปิดคาสิโนทั้งหมดเลยเพราะเป็นสิ่งที่ได้ไม่คุ้มกับเสีย” 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า กรณีกัมพูชาก็รู้กันแล้วว่าสีหนุคอมเพล็กซ์ ที่กัมพูชามีขนาดใหญ่โตกว่าฟิลิปปินส์มหาศาล คนจีนที่ทะลักเข้าไป 4-5 แสนคน แล้วสร้างรายได้มหาศาลแน่ๆระดับพันล้าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้คือปัญหาคอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจรับส่วย ซึ่งคุณสมบัติเหมือนกับประเทศไทยไม่มีผิดทำให้เกิดปัญหาตามมาซึ่งแก้ไม่ได้ ลองจินตนาการดูว่าคนจีนที่เข้ามาเป็นแสนๆคุณจะรับมืออย่างไร  

“ต้องเข้าใจด้วยว่าทุนจีนสีเทามองไทยเป็นโลเคชั่นใหญ่อยู่แล้ว แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้คือไทยไม่เปิดให้มีโครงการทำนองนี้ เขาถึงไปลงที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อไหร่ที่ไทยเปิดมันจะรุมเข้ามาแน่ๆ ยิ่งเปิดแบบถูกกฎหมายด้วยแล้ว คุณจะสกรีนอย่างไรว่าเทาไม่เทา แพทเทิร์นเดียวกันก็จะเกิดขึ้นภายในเวลา 4-5 ปี กลายเป็นแหล่งฟอกเงินผิดกฎหมายค้ายา ค้าประเวณี เผลอๆค้าอวัยวะ อยู่ที่ว่าจะไปเปิดที่ไหน ถ้าเปิดชายแดนก็ยิ่งง่ายต่อการเดินทางขนส่งธุรกิจผิดกฎหมาย

“กัมพูชาก็เหมือนเดินตามรอยฟิลิปปินส์ สุดท้ายฮุนเซนก็สั่งปิด ทุนจีนก็แตกกระจายหนีมาทางฝั่งพม่า ถ้าไทยทำ สมมุติลากแผนที่เส้นทางการเดินทางของทุนคาสิโนจากมาเก๊าไปฟิลิปปินส์ รัฐบาลจีนก็พยายามปราบคาสิโนผิดกฎหมาย ฟิลิปปินส์ไปชายแดนพม่า หลังจากนั้นจะมาไทยเหรอ เรากำลังจะกลายเป็นแหล่งการลงทุนถัดไปอย่างนั้นเหรอ นี่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนเพราะว่าเงินที่จะได้มามันได้สั้น เงินเร็วแล้วมันก็แลกกับการที่เราจะกลายเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติประเทศถัดไป ขนาดตอนนี้ธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์เรายังปราบไม่หมดเลย นี่จะเชิญให้อาชญากรรมมาตั้งในใจกลางประเทศเลยหรือ มันน่าเป็นห่วงอย่างมาก” 

-เอาแบบอย่างสิงคโปร์ได้หรือไม่ 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า “เราทำไม่ได้หรอก อย่าไปฝันหวานว่าจะเป็นแบบสิงคโปร์ เขามีกระบวนการคัดกรองแน่นหนาแล้วมีระบบสกรีน ที่สำคัญคือเขาไม่มีคอร์รัปชั่น ไม่มีรับส่วย เราจะไปเป็นแบบสิงคโปร์ได้อย่างไร แค่คิดก็ผิดแล้ว เราไม่เคยทำอะไรแบบสิงคโปร์ได้เขาเป็นประเทศที่บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด มีวินัย ไทยมันไม่ใช่ ไทยยังแก้ระบบส่วยไม่ได้แล้วจะมาเปิดทางให้ระบบส่วยทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แค่คิดก็น่ากลัวมากแล้ว ยังไม่อยากจินตนาการว่าทุนจีนสีเทาเอาคนงานเข้ามาเป็นแสนในประเทศเราจะรับไหวเหรอ แบบนี้ไใเกิดในสิงคโปร์ ไทยทำโดนแน่นอน” 

-ทุกวันนี้เยาวชนไทยจำนวนหนึ่งก็มีค่านิยมอยากรวยเร็วๆโดยมีเลือกวิธีการ บางส่วนข้ามไปเป็นสแกมเมอร์และทำงานต้มตุ๋นออนไลน์ หากมีคาสิโนในประเทศจะยิ่งทำให้ค่านิยมนี้แพร่หลายมากขึ้นหรือไม่ 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า แน่นอน เราพูดกันเรื่องสแกมเมอร์ว่าคนไทยโดนหลอกไปทำงาน เราพูดความจริงไม่ทั้งหมด เพราะเท่าที่ทราบจากงานวิจัยสอบถามคนที่ไปทำงานในนั้น เขาเต็มใจเพราะรายได้สูง มีเกินครึ่งที่เมื่อปราบก็ไม่กลับประเทศ เรารู้กันอยู่ว่าที่โดนกวาดล้างทั้งเยาวชนไทยและชาติอื่น กรณีจีนก็เช่นเดียวกันที่โดนกวาดล้าง เขาใช้วิธียื่นคำขาดว่าพวกที่ไปทำงานตามบริษัทสแกมมิ่งหลอกลวงทั้งหลายถ้าไม่กลับประเทศ เขาจะยึดทะเบียนบ้านซึ่งสำคัญมาก ถ้ายกเลิกทั้งครอบครัวเดือดร้อนหมด เอาพ่อแม่เป็นตัวประกันถ้าไม่กลับจะเล่นงานครอบครัวซึ่งเป็นการยื่นคำขาดที่ทำให้บรรดาเยาวชนเหล่านี้ต้องกลับประเทศ 

“กรณีไทยก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราย้ายเอาฮับคาสิโนมาอยู่ในบ้านเราซึ่งมันจะตามมาด้วยธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ เยาวชนไทยก็ไม่ต้องข้ามด่านแล้ว สมัครงานเข้ามาทำในนี้เลย เราก็จะเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาเรื่องเด็กไม่มีงานทำ มันเป็นปัญหาความล้มเหลวของโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยการสร้างงานซึ่งมาจากทักษะ แต่คุณกลับทำธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดทักษะ ปัญญา ความสามารถในขณะเดียวกันมันมีผลลบต่อเยาวชนนี่เป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ จำนวนเยาวชนที่จะเดินเข้าสู่อาชีพแบบนี้มันจะมีมากขึ้นแน่ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” 

เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลพยายามเดินหน้าผลักดันโครงการนี้เป็นเพราะต้องการภาษีหรือมีทุนสีเทาผลักดันอยู่เบื้องหลังกันแน่ 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า ไม่ทราบเลย ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ความคิดเรื่องอยากตั้งบ่อนมันมีมานาน คนในรัฐบาลชุดนี้หรือชุดที่แล้วที่มีผลประโยชน์กับธุรกิจเหล่านี้ก็คงมี ไปค้นหากันได้ว่ามีใครบ้าง ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วยบ่อนการพนันก็คงมี ดังนั้นพลังที่ผลักดันเรื่องนี้เป็นพลังของกลุ่มผลประโยชน์ซึ่งเขาอยู่ในเครือข่ายธุรกิจเหล่านี้อยู่แล้ว เขาก็อาจจะมีหุ้นส่วนในการทำธุรกิจทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าเปิดในไทยก็ทำให้ผลประโยชน์ของเขามากขึ้น มันน่าเสียใจมากที่มาเกิดในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นการคิดที่ค่อนข้างสั้นมากๆ 

-เหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลใช้อ้างคือจะได้เอาภาษีมาพัฒนาประเทศ ดีกว่าให้ไปเล่นกันอยู่ต่างประเทศ 

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า กลุ่มลูกค้าใหญ่เป็นคนจีน ถ้าดูกรณีศึกษาจากกัมพูชาและฟิลิปปินส์ กลุ่มทุนจีนเขามีเป้าหมายนักพนันจีน คิงส์โรมันลูกค้าใหญ่ก็คนจีน คนไทยนี่เป็นสัดส่วนน้อยมาก แต่ที่น่าห่วงคือคนไทยที่จะเข้าไปเล่น ตาสีตาสาที่จะเข้าไปหมดตัวกับการพนันนี่เป็นกังวลด้วย แต่ที่เป็นกังวลใหญ่ เรารับมือกับทุนจีนที่จะเข้ามาแสวงหาประโยชน์กับการตั้งคาสิโนคอมเพลกซ์อย่างไร 

“พวกเขามาแน่ ถ้าเขาตั้งบริษัทใหม่เข้ามาในนามกลุ่มธุรกิจใหม่ เข้ามาแล้วไม่ใช่แค่ทำกิจการคาสิโนแต่ทำอย่างอื่นด้วย การจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ย้ายฮับมาที่เมืองไทย เราจะรับมือกับมันอย่างไร ทุกวันนี้ก็มีข่าวแบบนี้ เราฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจมากๆเพราะรัฐบาลไทยยังไม่สามารถปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เลยมันมีข่าวพวกนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา อีกทางหนึ่งก็จะตั้งฮับคาสิโนสิ่งที่เกิดขึ้นคู่ขนานมันคืออะไร ต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ 

“เราเห็นอยู่ว่าธุรกิจสีเทามันเกิดขึ้นภายใต้ระบบส่วยซึ่งเรายังไม่สามารถจัดการระบบส่วยได้ มันเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีการตั้งบริษัทเป็นนอมินีหน้าฉากเป็นคาสิโน หลังฉากเป็นคอลเซ็นเตอร์ในที่เดียวกัน ใต้โต๊ะจ่ายให้เจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบ จุดที่จะตั้งคาสิโนคอมเพล็กซ์ที่พูดกันว่ารัฐจะตั้งในเขตชายแดนพื้นที่ซึ่งมีอำนาจอิทธิพล สิ่งเหล่านี้ดำเนินไปอยู่แล้ว ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ง่าย 

“กรณีที่เกิดขึ้นในเมืองเมียววดี กิจการที่เกิดขึ้นในฝั่งตรงข้าม กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางฝั่งไทยก็มีเอี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นคนละฟากชายแดน สิ่งที่รัฐบาลพูดเหมือนกับว่า ไหนๆก็เกิดสิ่งนั้นอยู่แล้ว งั้นเราย้ายเอาอาชญากรรมมาอยู่ในบ้านเราไม่ดีกว่าเหรอ อย่างนั้นหรือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือทำให้เจ้าหน้าที่บางกลุ่มได้ประโยชน์ ไม่ใช่รายได้เข้าประเทศ รายได้เข้าประเทศคงจะได้มากแต่ที่ได้มากตามมาคือระบบส่วยไทยจะใหญ่ขึ้น สงสัยว่าคนที่ผลักดันเรื่องนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งในระบบส่วยในไทยหรือเปล่า ถึงได้ผลักดันกันมาก

“ไม่ได้พูดถึงชเวโก๊กโก่อย่างเดียว แต่ในเมียวดี ถ้าเข้าไปจะเห็นบ่อนเยอะแยะ แล้วบ่อนในเมียววดีที่ทุนฝั่งเราไปเปิดที่เป็นหุ้นส่วนเต็มไปหมด สัมภาษณ์พ่อค้าแม่สอดก็รู้กันหมด คนไทยที่เป็นเจ้าของที่ดินฝั่งนู้นก็มีเปิดแล้วก็ให้เขาตั้งบ่อนได้เงินจากการให้เช่าที่ กลุ่มทุนพวกนี้เขาก็จะได้ประโยชน์แน่ๆทุนท้องถิ่นก็จะได้ประโยชน์ คำถามคือเรื่องนี้ประชาชนคนไทยได้อะไร นี่เป็นเรื่องที่ต้องคิดมากสักหน่อย ตั้งบ่อนในไทยเราจะได้ประโยชน์อะไร”

-ที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้ไปปราบคาสิโนและแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยแต่กลับถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลไทยเป็นเพราะรัฐบาลต้องการผลักดันเรื่องคาสิโนหรือไม่

ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า ถ้าเป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดขนาดนั้น ก็ยิ่งอันตรายมาก จริงๆแล้วที่มีการตั้งกลไกตำรวจ3ฝ่ายคือจีน ไทยและพม่า ไทยควรจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้างความร่วมมือในไตรภาคีนี้ด้วยซ้ำไป เพราะเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับทหารกะเหรี่ยงฝั่งโน้น ซึ่งถ้าจะขอความร่วมมือเพิ่มเป็นตำรวจ 4 ฝ่าย เข้าไปตรวจสอบจัดการกับธุรกิจแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ทำได้ แต่เราไม่เทคแอคชั่น ปล่อยให้จีนผลักดันจนไม่รู้จะผลักดันอย่างไรแล้ว มันก็ได้เท่านี้ เพราะเรามีผลประโยชน์กับธุรกิจฝั่งโน้นเหรอ 

-สถานการณ์แหล่งอาชญากรรมที่เกิดขึ้นริมแม่น้ำเมยสะท้อนการทำหน้าที่ขององค์กรตรวจสอบของไทยด้วยหรือไม่ เพราะทั้งรายได้สีเทา ทั้งยาเสพติดและค้ามนุษย์เต็มไปหมด

ศ.ปิ่นแก้ววกล่าวว่า มันไม่ใช่แค่การฟอกเงิน แต่มันเป็นฮับของส่วย ถ้านับประเภทส่วยใน อ.แม่สอด เราไม่รู้เกิน 10 ประเภทมั้ย ป.ป.ช.ก็ไม่เห็นเคยไปตรวจสอบเลย 

 ———–

On Key

Related Posts

เหยื่อ 20 ชาติ 261 คนพ้นขุมนรก กะเหรี่ยง DKBA ส่งตัวให้ไทย ญาติสุดปลื้มขอบคุณประเทศไทย แต่อีกนับหมื่นยังถูกกักขัง ผบ.ราชมนู ชี้เป็นผลจากมาตรการ 3 ตัดบริษัทเล็กย้ายหนี-บริษัทใหญ่ลดระดับลง 50%

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าข้าม 28Read More →

ผู้นำกะเหรี่ยง DKBA แจงไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนมีเหยื่อต่างชาติถูกบังคับเป็นสแกมเมอร์ระบุพร้อมทำตามความต้องการของรัฐบาลไทย ประสาน“กัณวีร์”ช่วยเหยื่อต่างชาติอีกนับร้อย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้นำกองกำลังกะเหรีRead More →

ชาวบ้านริมโขงโวย เวทีรับฟังเขื่อนสานะคามกีดกันผู้ได้รับผลกระทบ จวก สทนช.ไม่เปิดโอกาสแสดงความเห็นตรงไปตรงมา “หาญณรงค์”จี้หยุดสร้างเขื่อน-สร้างภาระให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สวนอาหารบ่อปลา วRead More →