เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 สำนักข่าว SHAN และ DVB รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางการพม่าได้สั่งห้ามไม่ให้ชาวพม่าที่ถือหนังสือเดินทางประเภททำงาน (Passport for Job) เป็นหนังสือเดินทางประเภทท่องเที่ยว (Passport for Visit) เพื่อป้องกันไม่ให้ชายชาวพม่าที่มีอายุต้องเกณฑ์ทหารเดินทางออกนอกประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชายชาวพม่าที่มีหนังสือเดินทางประเภททำงานได้เปลี่ยนเป็นหนังสือเดินทางประเภทท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อต้องการเดินทางออกจากพม่า
สื่อพม่ารายงานว่า การเปลี่ยนประเภทหนังสือเดินทาง จากประเภททำงานเป็นหนังสือเดินทางท่องเที่ยวนั้น มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องจ่ายเงินถึง 200,000 – 700,000 จั้ต (1,700 – 12,000 บาท) หรือหากต้องการหนังสือเดินทางเร่งด่วนจะต้องจ่ายเงินมากกว่า 1,000,000 แสนจั้ต หรือราว 17,460 บาท ขณะที่ในกรุงย่างกุ้งเพียงแห่งเดียว มีการทำหนังสือเดินทางเพื่อออกนอกประเทศถึง 2,700 คิวต่อวัน และมีการจองคิวทำหนังสือเดินทางเต็มไปจนถึงสิ้นปีในหลายเมือง ทั้งในเมืองเนปีดอว์ เมืองมัณฑะเลย์ เมืองปะเต่งเป็นต้น เนื่องจากมีประชาชนแห่ทำหนังสือเดินทางเพื่อออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องเปิดให้จองคิวทำหนังสือเดินทางผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และไม่อนุญาติให้ประชาชนข้ามเขตไปทำหนังสือเดินทางในเมืองอื่นได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา และจะต้องทำตามจำนวนที่ทางการระบุไว้เท่านั้น
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ประชาชนในพม่าแห่เดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมไปถึงกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ของกองทัพพม่าทำให้ประชาชนเดินทางออกไปยังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยจุดหมายปลายทางส่วนใหญ่คือประเทศเพื่อนบ้าน เช่น บังกลาเทศ จีนและไทย
ด้านสำนักข่าว SHAN รายงานว่า การบังคับเกณฑ์ทหารใหม่ของกองทัพพม่าส่งผลคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมากที่ไม่ต้องการอยู่ภายใต้กองทัพพม่า ตัดสินใจตบเท้าเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ฝ่ายต่อต้านเพิ่มมากขึ้น เช่น กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Liberation Army – PNLA) หรือกลุ่ม Joephyu resistance force ซึ่งเป็นกองกำลังฝ่ายต่อต้านเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองหยั่วหง่าน และเมืองปิ่นดะยา ทางใต้ของรัฐฉาน
ผู้แทนกลุ่ม Joephyu resistance force เปิดเผยว่า ได้ส่งจดหมายเตือนไปยังผู้บริหารท้องถิ่นที่พยายามเกณฑ์คนหนุ่มสาวไปเป็นทหารในกองทัพพม่าด้วย
ขณะที่กองกำลังป้องกันแห่งชาติคะเรนนี (The Karenni Nationalities Defense Force – KNDF) ได้จัดตั้งกองบัญชาการทางยุทธวิธีที่ 8 โดยมีเป้าหมายที่จะกระชับการปฏิบัติการใกล้กับฐานที่มั่นของรัฐบาลทหารพม่าในกรุงเนปีดอว์