โดย Oh Ra Ra ผู้สื่อข่าวคะฉิ่น
หลังจากกองทัพเอกราชคะฉิ่น ((Kachin Independence Army:KIA) ยกระดับปฏิบัติการโจมตีกองทัพพม่าในรัฐคะฉิ่นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ล่าสุดมีความคืบหน้าเกิดขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน โดย KIAนำกำลังบุกปะทะและสามารถยึดค่ายทหารพม่าบนถนนสายไวง์มอ-กันไปตี (Wine Maw-Kan Pai Ti road) ได้ถึง 10 แห่งภายในวันเดียว
ถนนสายไวง์มอ-กันไปตี มีระยะทางรวมกว่า 110 กิโลเมตร เป็นถนนเลียบชายแดนเมียนมา-จีน และเป็นที่ตั้งของค่ายทหารราบพม่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดนพม่า(BGF) และกองกำลังติดอาวุธที่เป็นแนวร่วมรัฐบาลทหารพม่า แต่การเปิดฉากปะทะของ KIA ครั้งล่าสุดทำให้ค่ายทหารพม่า 10 แห่งบนถนนสายนี้ถูกยึดไว้ได้ทั้งหมด ทั้งยังเปิดทางให้ KIA บุกเข้ายึดครองเมืองซาดัง (City of Sadung) ได้อย่างเบ็ดเสร็จอีกเมืองหนึ่ง
นักรบแนวหน้าของ KIA เปิดเผยว่า ระหว่างการต่อสู้ปะทะมีผู้ถูกจับเป็นเชลยสงครามมากกว่า 30 คน และมีรายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นว่าทหารพม่าหลบหนีโดยละทิ้งค่าย 6 แห่งไปตั้งแต่ก่อน KIA จะบุกเข้าไปถึง โดยค่ายที่ KIA ยึดได้ในการต่อสู้ครั้งนี้รวมถึงค่ายทหารเก่าแก่ประจำเมืองซาดังซึ่งเป็นพิกัดสำคัญด้านยุทธศาสตร์บนภูเขา และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเป็นค่ายที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคอาณานิคมอังกฤษ
ส่วนความคืบหน้าล่าสุดในวันที่ 13 มิถุนายน 2024 แม้ค่ายทหารพม่าบนถนนสายไวง์มอ-กันไปตี จะถูก KIA ยึดครองเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่ยังมีค่ายพม่าหลงเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่งในเขตเมืองกันไปตี ชายแดนเมียนมา-จีน ทำให้ KIA เล็งยึดค่ายทหารในเมืองกันไปตีเป็นลำดับต่อไป เพราะถ้าปฏิบัติการสำเร็จ KIA จะสามารถเป็นฝ่ายควบคุมเส้นทางลำเลียงทางธุรกิจการค้าบริเวณชายแดนเมียนามา-จีนได้
ทั้งนี้ในรัฐคะฉิ่นทางเหนือของเมียนมา มีด่านการค้าชายแดนที่รัฐบาลทหารพม่าใช้เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้านำเข้าและส่งออกระหว่างเมียนมา-จีนเพียง 2 แห่ง คือ ด่านลแวแจ และด่านกันไปตี แต่ด่านชายแดนในเมืองลแวแจถูก KIA ยึดกุมเอาไว้ได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 จึงเหลือด่านกันไปตีเพียงแห่งเดียวที่ถูกใช้เป็นเส้นทางการค้าระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับจีนในช่วงที่ผ่านมา
ด่านกันไปตีเชื่อมต่อพรมแดนเมียนมา-จีน ถูกประกาศเป็นด่านการค้าชายแดนระดับประเทศอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2009 ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าบนภูเขาสูงซึ่งมีอากาศหนาวเย็น สินค้าส่งออกไปยังจีนที่สร้างรายได้ให้กับกองทัพพม่าหลักๆ คือ สินค้าเกษตร ตั้งแต่ข้าวโพด ยางพารา แตงโม และเนื้อเยื่อกล้วย ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนเป็นปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยข้อมูลที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์เมียนมาระบุว่าช่วงปี 2023-2024 มูลค่าทางการค้าบริเวณด่านชายแดนกันไปตีมีจำนวนรวมประมาณ 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทางการพม่าส่งออกสินค้าไปยังจีนมูลค่ารวมกว่า 178.5 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าสินค้าจากจีนราว 29.6 ล้านดอลลาร์
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ชัดว่า การส่งออกผ่านด่านการค้าชายแดนกันไปตีสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับรัฐบาลทหารพม่า ด่านกันไปตีจึงเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นอีกแหล่งรายได้หล่อเลี้ยงกองทัพพม่ามาตลอด เมื่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่าเริ่มปฏิบัติการ 1027 ในรัฐฉานเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2023 ส่งผลให้ด่านการค้าชายแดนระหว่างเมียนมา-จีนถูกปิดยาว และด่านการค้าชายแดนในเมืองลแวแจของรัฐคะฉิ่นก็เพิ่งถูก KIA ยึดกุมไว้ได้ กองทัพพม่าจึงเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก นำไปสู่การประกาศรื้อฟื้นโครงการสร้างเขื่อนมิตซงของกลุ่มทุนจีนในรัฐคะฉิ่น ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่าอาจเป็นเครื่องมือต่อรองให้จีนหันมาช่วยเหลือกองทัพพม่าต่อสู้หรือเจรจากับกองทัพของฝ่ายต่อต้าน
การยึดกุมค่ายทหารและพื้นที่ตามแนวถนนสายไวง์มอ-กันไปตีของ KIA ครั้งนี้สามารถตัดขาดเส้นทางการค้าที่สร้างรายได้ให้กับกองทัพพม่า ถ้าหาก KIA ยึดค่ายและพื้นที่ชายแดนในเมืองกันไปตีได้เป็นอันดับต่อไปจะทำให้การค้าระหว่างพม่า-จีนถูกแทรกแซงจนปั่นป่วนกว่าเดิม จึงมีแนวโน้มสูงว่าทหารพม่าจะสู้กับ KIA อย่างดุเดือดเพื่อป้องกันค่ายทหารในเมืองกันไปตีซึ่งเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสุดท้ายของกองทัพพม่าในรัฐคะฉิ่น และอาจมีการต่อสู้ปะทะเพิ่มเติมตามแนวถนนสายไวง์มอ-กันไปตีเพื่อตัดกำลังของ KIA
แม้ KIA จะยึดค่ายทหารพม่าได้กว่าร้อยแห่งในช่วงเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา แต่การต่อสู้ปะทะในรัศมีราว 20 กิโลเมตรรอบเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง โดยช่วงต้นเดือนมิถุนายน กองทัพพม่าได้ทิ้งระเบิดโจมตีสะพาน 3 จุดเพื่อสกัดไม่ให้ KIA เคลื่อนพลเข้าเมืองไวง์มอและมิตจีนา
การต่อสู้อย่างดุเดือดในรัฐคะฉิ่นเกิดขึ้นบริเวณพื้นที่รอบนอกเมืองไวง์มอและมานซี ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์ในรัฐฉานที่มีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังฝ่ายต่อต้านในรัฐฉานโดยมีรัฐบาลจีนเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกในการเจรจา