Search

“แรงงานทาส” ใต้เงาจีนเทาในอาณาจักร “คิงส์โรมันส์”

รายงานในสื่อต่างประเทศและองค์กรสากลเตือนเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว-เมียนมา กลายเป็นพื้นที่ให้กลุ่มอิทธิพลข้ามชาติทำธุรกิจบังหน้าอาชญากรรมไซเบอร์ที่หลอกคนทั่วโลกให้ลงทุนผ่านเว็บพนันออนไลน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมแนะให้จับตา SEZ แขวงบ่อแก้วของลาวซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของทุนจีนเทา ‘คิงส์โรมันส์’ อาจล่อลวงและดึงดูดแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังแหล่งซ่องสุมเครือข่ายสแกมเมอร์ในรัฐฉานของเมียนมาถูกกวาดล้างไปก่อนหน้า

สำนักข่าว Frontier Myanmar เผยแพร่รายงานพิเศษอ้างอิงปากคำชาวเมียนมาหลายราย ทั้งที่เคยไปทำงานและยังคงทำงานอยู่ใน SEZ แขวงบ่อแก้วของลาว ยืนยันตรงกันว่าพื้นที่ดังกล่าวคือแหล่งซ่องสุมของขบวนการสแกมเมอร์ออนไลน์ที่หลอกลวงเงินเหยื่อจำนวนมากช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแรงงานที่ถูกหลอกให้เข้าร่วมกับเครือข่ายฉ้อโกงเหล่านี้ยังสร้างความเดือดร้อนแบบปรากฏการณ์ลูกโซ่ต่อไปยังคนกลุ่มอื่นๆ ทั่วโลก

นักวิชาการชาวพม่าประเมินเพิ่มเติมว่าการที่รัฐบาลจีนและแนวร่วมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าทลายแหล่งรวมสแกมเมอร์และช่วยเหลือเหยื่อชาวจีนที่ถูกหลอกไปทำงานให้ทุนสีเทาในเมืองเล้าก์ก่าย เมืองหลวงของเขตปกครองพิเศษโกก้างในรัฐฉานของเมียนมาเมื่อปี 2023 ทำให้ขบวนการผิดกฎหมายบางส่วนย้ายไปตั้งฐานใน SEZ ของลาว ตรงข้ามอำเภอเชียงแสนในจังหวัดเชียงรายของไทย และอีกที่คือชเวโก๊กโก่ในเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในเมียนมา ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอดในจังหวัดตากของไทย

พื้นที่ SEZ ในแขวงบ่อแก้วของลาวและเมืองเมียวดีของเมียนมา มีทุนใหญ่จากจีนเป็นผู้รับสัมปทานจากภาครัฐด้วยกันทั้งคู่ โดย SEZ ลาวอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ กิจการในเครือคิงส์โรมันส์ของจ้าว เหว่ย นักธุรกิจจีนที่สหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำตั้งแต่ปี 2018 ในฐานะผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันขบวนการยาเสพติด ค้าประเวณี ฟอกเงิน ลักลอบค้าสัตว์ป่า และธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติอื่นๆ ขณะที่ SEZ เมียนมาเปิดรับการลงทุนจากกลุ่มทุนหยาไถ่ หรือ Yatai International Holding Group (IHG) ของ เฉอ เจ้อเจียง นักธุรกิจจีนซึ่งถูกทางการอังกฤษขึ้นบัญชีดำในข้อหาเกี่ยวพันกับการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย

สิ่งที่แตกต่างกันอยู่บ้างคือ SEZ เมียวดีอยู่ในการควบคุมดูแลของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนของทหารกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลทหารพม่า จึงยังเป็นพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างแนวร่วมรัฐบาลทหารพม่ากับกลุ่มต่อต้าน ขณะที่ SEZ ลาวไม่มีปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น จนอาจพูดได้ว่าเครือข่ายกลุ่มทุนคิงส์โรมันคือกลุ่มทุนข้ามชาติที่ได้รับสัมปทานนานถึง 99 ปีอย่างถูกต้องตามกฎหมายลาว แม้แต่การบริหารจัดการในพื้นที่ก็แทบจะไม่มีการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลลาวเลย

ประเด็นนี้ถูกกล่าวถึงในรายงานขององค์กรสากลอีก 2 แห่งเช่นกัน ได้แก่ International Crisis Group (ICG) และ United States Institute of Peace (USIP) ที่รวบรวมข้อมูลของอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสรุปใกล้เคียงกันว่า SEZ ในแขวงบ่อแก้วของลาวซึ่งมีอาณาบริเวณกว่า 10,000 เฮกตาร์ ถูกควบคุมโดยแผนกรักษาความปลอดภัยของจีน ทั้งยังบริหารจัดการคล้ายกับหน่วยงานตำรวจนอกเครื่องแบบจีนในต่างประเทศซึ่งทำงานแบบไม่เปิดเผยตัว

สิ่งที่สะท้อนว่าพื้นที่ SEZ ลาวตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจีนอย่างชัดเจนอีกอย่างหนึ่ง คือ ภาษาที่ปรากฎบนป้ายตามถนนหนทางต่างๆ ไม่ใช่ภาษาลาว แต่เป็นภาษาจีน สกุลเงินที่ใช้เป็นหลักคือเงินหยวน รวมถึงมีการตั้งนาฬิกาในที่พื้นสาธารณะตามเวลาในประเทศจีนอีกด้วย แม้ว่าการเปิด SEZ จะทำให้รายได้ต่อหัวประชากรในพื้นที่นี้เพิ่มสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศลาวเพิ่มขึ้น คนที่ทำงานในธุรกิจผิดกฎหมายยังมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากคดีฉ้อโกงอีกด้วย

แม้สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) จะเห็นด้วยกับท่าทีของรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในการปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินผิดกฎหมายและอาชญากรรมทางไซเบอร์ แต่รายงานของ USIP กลับระบุว่านโยบายเกี่ยวกับการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติของรัฐบาลจีนนั้นยังไม่ครอบคลุมนัก ถ้าหากเครือข่ายทุนจีนเทาไม่ได้พุ่งเป้าไปยังเหยื่อชาวจีนหรือไม่ได้หลอกคนจีนให้ทำงานผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ก็จะไม่มีปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ แต่มักใช้วิธีส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปประจำในประเทศที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจถูกมองเป็นการขยายอิทธิพลทางด้านความมั่นคงในภูมิภาคก็ได้เช่นกัน

เมื่อทางการจีนคุมเข้ม ขบวนการโกงจึงพุ่งเป้า ‘คนชาติอื่น’

Frontier Myanmar รายงานว่าพลเมืองเมียนมาจำนวนมากไปทำงานใน SEZ ของลาวเพิ่มขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจากระบบเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่องหลังเกิดรัฐประหารในประเทศเมื่อปี 2021 ประชาชนต่อต้านรัฐบาลทหารด้วยอารยะขัดขืน จึงมีผู้ที่ลาออกจากตำแหน่งงานในภาครัฐและหันไปหางานอื่นทำเป็นจำนวนมาก เปิดช่องให้เครือข่ายอาชญากรข้ามชาติล่อลวงคนจากเมียนมาที่กำลังดิ้นรนหางานทำไปเป็นสแกมเมอร์ให้กับทุนสีเทาในต่างประเทศ

อีกปัจจัยที่ทำให้แรงงานจากเมียนมาหลั่งไหลไปทำงานใน SEZ ลาวเป็นจำนวนมากและอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เป็นเพราะค่านายหน้าถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ โดยค่านายหน้าที่เรียกเก็บคนจากเมียนมาซึ่งจะไปทำงานในลาวอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านจ๊าต รวมค่าเดินทาง ขณะที่ค่านายหน้าเพื่อดำเนินการส่งแรงงานเมียนมาไปยังประเทศไทยจะอยู่ที่ราวๆ 2 ล้านจ๊าต และถ้าส่งไปมาเลเซีย ค่านายหน้าจะสูงถึง 5 ล้านจ๊าต

แหล่งข่าวชาวพม่ารายหนึ่งซึ่งเคยเป็นครูโรงเรียนประถมในเขตอิรวดีเปิดเผยกับ Frontier Myanmar ว่าเขาถูกเพื่อนซึ่งเป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารด้วยกันหลอกไปทำงานที่ลาวโดยอ้างว่าเป็นงานบริการในธุรกิจท่องเที่ยว แต่เมื่อไปถึงที่ทำงานซึ่งฉากหน้าเป็นกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรแห่งหนึ่งใน SEZ ลาว เขาจึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอกมาทำงานเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้นายจ้างยอมปล่อยเพื่อนเขากลับบ้านเกิด

หลังจากนั้นเขาต้องร่วมปฏิบัติการ ‘เชือดหมู’ (pig butchering) ซึ่งเป็นศัพท์ที่กลุ่มทุนผิดกฎหมายใช้แทนการหลอกลวงเหยื่อในประเทศต่างๆ ทางออนไลน์ โดยเริ่มจากการสั่งให้แรงงานต่างชาติเหล่านี้สร้างบัญชีปลอมในสื่อโซเชียลต่างๆ ให้ดูร่ำรวย-น่าเชื่อถือ จากนั้นจึงสั่งให้หาเหยื่อเพื่อชักชวนมาลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีปลอม และในระยะแรกจะมีการจ่ายเงินตอบแทนด้านการลงทุนให้เหยื่อตายใจ และหลอกให้เหยื่อเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ตั้งเป้าไว้ว่าได้กำไรแล้วจึงยึดเงินของเหยื่อและตัดขาดการติดต่อทั้งหมด

แหล่งข่าวชาวพม่าคนดังกล่าวมีการศึกษาระดับปริญญา สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จึงได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 3,000 หยวน (ประมาณ 1.3 ล้านจ๊าต) และถูกสั่งให้หลอกลวงเหยื่อในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงคนอเมริกัน ระหว่างทำงานนายจ้างจะจับตาดูแรงงานเหล่านี้ตลอดเวลา อนุญาตให้ออกนอกสถานที่ได้แค่เดือนละครั้ง ทั้งยังตั้งเป้าชัดเจนว่าแต่ละคนต้องทำเงินให้บริษัทต่อเดือนเท่าไร ใครที่ทำไม่ได้ตามเป้าจะถูกลงโทษ ซึ่งมีทั้งการทุบตี อดอาหาร หรือบางรายที่คิดหลบหนีจะถูกซ้อมหรือถูกขายต่อให้ธุรกิจสีเทาอื่นๆ ที่ให้ค่าจ้างน้อยยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้าใครยอมจ่ายเงินชดเชยให้บริษัทสีเทาเหล่านี้ก็มีโอกาสได้รับการปล่อยตัว

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่แหล่งข่าวรายนี้บอกว่าตัวเองถูกใช้งาน ‘เยี่ยงทาส’ อยู่หลายเดือน เขาก็เลือกที่จะจ่ายเงินไถ่ตัวเองกลับประเทศบ้านเกิด ทำให้ครอบครัวของเขากลายเป็นหนี้หนักยิ่งกว่าเดิมเพราะต้องกู้หนี้ยืมสินก้อนใหญ่มาจ่ายค่าไถ่ตัว แต่เขารู้สึกว่ายังดีกว่าการหลอกคนมาทำงานแทนเหมือนกับที่เขาเคยถูกเพื่อนหลอก

ส่วนแหล่งข่าวอีกรายเป็นหญิงชาวพม่า ให้ข้อมูลว่าเธอทำงานที่ SEZ ลาวตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด และเป็นพนักงานทำความสะอาดในสถานบันเทิงครบวงจร ขณะที่แรงงานจากเมียนมาที่เข้ามายัง SEZ ในช่วงแรกๆ ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่รับทำความสะอาดก็จะทำงานครัวหรือก่อสร้าง แต่หลังจากโควิดบรรเทาลง รัฐบาลลาวเปิดรับนักท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่จากเมียนมาที่มีการศึกษาสูงๆ และสื่อสารภาษาต่างชาติได้เริ่มมาทำงานให้เครือข่ายสแกมเมอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ถูกหลอกลวงและผู้ที่สมัครใจมา แต่เมื่อต้องทำงานหลอกลวงคนและเจอสภาพการทำงานที่กดดันเพราะการตั้งเป้ารายได้ต่อเดือนของนายจ้างนั้นสูงมาก แรงงานเหล่านี้จึงพยายามหลบหนีหรือไม่ก็หาทางกลับประเทศ

การรายงานของ Frontier Myanmar สอดคล้องกับรายงานของ ICG และ USIP ที่ระบุว่าการปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติของทางการจีนในเล้าก์ก่ายและสีหะนุวิลล์ของกัมพูชา ทำให้กลุ่มทุนสีเทาเปลี่ยนเป้าหมายจากการหลอกลวงเหยื่อในประเทศจีนไปยังประเทศอื่นๆ แทน และมีการล่อลวงแรงงานจากหลายประเทศมาทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงคนเมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บราซิล ไนจีเรีย จอร์เจีย และไทย

ขณะเดียวกัน การส่งแรงงานจากเมียนมาไปป้อนให้กับธุรกิจผิดกฎหมายใน SEZ ลาวยังเกี่ยวพันกับกลุ่มชาติพันธุ์ว้าอีกด้วย เพราะกองทัพว้า – UWSA (United Wa State Army) เป็นผู้ดูแลเขตปกครองตนเองในรัฐฉานของเมียนมาซึ่งด้านหนึ่งมีพรมแดนติดกับจีน อีกฝั่งติดไทย ไม่ไกลจากสามเหลี่ยมทองคำที่มีแม่น้ำโขงเชื่อมต่อไทย เมียนมา ลาว ทั้งยังเป็นเส้นทางลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายในแถบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะสัตว์ป่า ยาเสพติด อาวุธเถื่อน หรือการค้ามนุษย์

รายงานของทั้ง 3 แห่งจึงสรุปใกล้เคียงกันว่าประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอื้อต่อการก่อเหตุของขบวนการผิดกฎหมายต่างๆ โดยกรณีของเมียนมามีปัญหาความขัดแย้ง รัฐบาลทหารพม่าต้องรับมือกับกลุ่มติดอาวุธและการต่อสู้ของฝ่ายต่อต้าน พื้นที่ชายแดนจึงมักขึ้นอยู่กับอำนาจของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ว่าจะจัดการหรือจะต่อรองผลประโยชน์กับกลุ่มอิทธิพลเถื่อนอย่างไร

อีกประเด็นที่สำคัญคือหลายประเทศแถบนี้มีปัญหาเรื้อรังเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวพันการทุจริตรับเงินสินบนและอาจมีส่วนร่วมกับเครือข่ายอาชญากรรมเสียเอง ขณะที่การก่อเหตุของกลุ่มอาชญากรข้ามชาติในยุคดิจิทัลก็ไม่จำกัดพื้นที่ สามารถหลอกลวงไปได้ไกลและอาจพบผู้เสียหายทั่วโลก การตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเหล่านี้จึงช่วยให้กลุ่มอาชญากรมีโอกาสลอยนวลพ้นผิดได้มากกว่าการเสี่ยงก่อเหตุในประเทศอื่นที่มีระบบตรวจสอบและธรรมาภิบาลที่ดีกว่า

อ้างอิง:

FrontierMyanmar, USIP, International Crisis Group, UNODC

On Key

Related Posts

แฉธุรกิจสีดำในเมืองท่าขี้เหล็กยังอยู่สบายหลังปรับรูปแบบจากอาคารใหญ่ไปเช่าห้องแทน เผยวัยรุ่นไทยยังแห่เข้าไปรับจ้างในแหล่งพนันออนไลน์-พ่อค้าหัวใสเลี่ยงส่งน้ำมันเข้าท่าขี้เหล็กอ้อมทางเชียงแสนแทน

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ภายหลังจากที่รัฐบาลดRead More →

ธุรกิจท่าข้ามฟากริมน้ำเมยเฟื่องฟู-แฉเป็นแหล่งขนย้ายเหยื่อค้ามนุษย์-มาเฟียจีนไปสู่แหล่งอาชญากรรมฝั่งเมืองเมียดี “โรม”จี้ตรวจสอบเชื่อเป็นช่องโหว่สำคัญ นายอำเภอแม่สอดเรียกประชุมผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 นายรังสิมันต์ โรม ปรRead More →

สำรวจเมืองท่าขี้เหล็กพบมาตรการตัดไฟฟ้าไม่กระทบแต่เดือดร้อนเรื่องถูกระงับส่งน้ำมัน-แม่ค้าโอดนักท่องเที่ยวซบหนักตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดแถมน้ำท่วมซ้ำ

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าRead More →

 DKBA ร่อนแถลงการณ์พร้อมส่งคืนเหยื่อค้ามนุษย์-2 นักวิชาการแนะรัฐบาลแก้ปัญหาครบวงจร “ศ.ยศ” เผยส่วยมาเฟียจีนนับพันล้านส่งฝั่งไทย เครือข่ายฯส่งหนังสือทวงคำตอบนายกฯแพทองธารช่วยเหลือเหยื่อนับพัน

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 กองทัพกะเหรี่ยงประชาRead More →