Search

เหยื่อจีนเทาขบวนการค้ามนุษย์ชาวโมร็อกโกแฉใช้ไทยเป็นระเบียงสู่แหล่งอาชญากรรมฝั่งเมืองเมียวดี-ขบวนการทรงอิทธิพลเข้าไปรับได้ถึงที่รับกระเป๋าในสนามบินแม่สอด-นั่งเรือหายยาวข้ามน้ำเมยฉลุย-เผยใช้วิธีบังคับสุดเหี้ยมโหด

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่ชาวโมร็อกโกจำนวน 17 คน ถูกหลอกให้มาทำงานในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาตรงข้ามกับ บ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก โดยล่าสุดมูลนิธิเพื่ออิสรภาพ (The Exodus Road)ประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านั้นได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานต่างของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก นายอำเภอพบพระ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แต่กลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้หวั่นเกรงว่าเหยื่อทั้งหมดจะได้รับอันตราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเหยื่อชาวโมร็อกโกได้ขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นเป็น 21 คน แต่คาดว่ายังมีเหยื่อชาวโมร็อกโกมากกว่านี้ เนื่องจากเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ติดต่อกันไม่ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2567 ทางทีมงานสามารถไถ่ตัวชาวโมร็อกโกออกมาได้แล้ว 2 คน แต่ยังไม่สามารถไถ่ตัวเหยื่อกลุ่มใหญ่ออกมาได้ทั้งหมด

เนื่องจากทางกลุ่มจีนเทาและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ควบคุมดูแลแหล่งอาชญากรรมแห่งนี้คือกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย(The Democratic Karen Buddhist Army :DKBA) ยังไม่ยินยอม และได้ยึดโทรศัพท์ของเหยื่อไว้ทั้งหมดหลังจากเริ่มมีข่าวการร้องขอความช่วยเหลือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ครอบครัวและคณะที่ให้ความช่วยเหลือรู้สึกกังวลใจในความปลอดภัยของเหยื่อที่เหลือทั้งหมดในตอนนี้ เพราะอาจถูกทำร้ายหรือปิดปาก

สำหรับเหยื่อชาวโมร็อกโก 2 คนที่ได้รับการไถ่ตัวออกมาแล้วนั้น ขณะนี้ได้ถูกส่งตัวกลับประเทศโมร็อกโกแล้ว โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 ทั้ง 2 คนได้เข้าสู่กระบวนการคัดแยก ( National Referal Mechanism :NRM) ผู้ที่อาจได้รับความเสียหายจากการค้ามนุษย์หรือการบังคับใช้แรงหรือบริการ ณ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยมีผู้แทนหน่วยงานราชการต่างๆ อาทิ DSI กรมการจัดหางาน สถานเอกอัครราชทูตโมร็อกโก พม.เข้าร่วมสอบสวน

ทั้งนี้เหยื่อการค้ามนุษย์ทั้ง 2 คนได้ให้ข้อเท็จจริงในที่ประชุมฟังว่า ได้รับการชักชวนให้เดินทางมาทำงานในประเทศไทยเกี่ยวกับ E-Commerce โดยจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ดอลล่าร์เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดได้พูดคุยกันใน WhatsApp และทั้งสองได้เดินทางออกจากโมร็อกโกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมชาวโมร็อกโกอีก 5 คน รวมเป็น 7 คน โดยได้เปลี่ยนเครื่องบินที่ตุรกี มาลงที่มาเลเซียเพื่อทำวีซ่าเข้าไทย และเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ซึ่งระหว่างรอวีซ่าในมาเลเซียได้มีชาวโมร็อกโก 3 คนเดินทางมาเพิ่ม

เหยื่อชาวโมร็อกโกเล่าต่อไปว่า ทั้งหมดได้นั่งเครื่องจากมาเลเซียมาลงที่สนามบินดอนเมืองและต่อเครื่องในประเทศไปยังสนามบินแม่สอด เมื่อมาถึงมีชายคนหนึ่งมารอรับบริเวณที่ที่รับกระเป๋าในสนามบิน โดยชายคนดังกล่าวมีรูปของเหยื่อทั้งหมด จากนั้นได้พาขึ้นรถตู้เดินทางเข้าไปยังถนนเล็กๆเพื่อเปลี่ยนรถ และได้เจอกับชายถืออาวุธแต่ไม่ทราบเป็นชาติใด เพราะพวกตนไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ประเทศใด จากนั้นได้ถูกพาตัวลงเรือหางยาวข้ามแม่น้ำ หลังจากถึงฝั่งได้มีคนหน้าตาคล้ายคนจีนเอารถมารับพาไปยังบริษัท

เหยื่อชาวโมร็อกโกให้การต่อไปว่า เมื่อไปถึงบริษัท ได้มีคนมายึดหนังสือเดินทาง แต่ทั้ง 2 คนได้นำไปซ่อนไว้ในช่องแอร์จึงไม่ถูกยึด นอกจากนี้ยังถูกยึดโทรศัพท์เป็นบางเวลาเพื่อนำไปเช็คว่ามีการส่งข้อมูลใดๆหรือไม่ หรือขอความช่วยเหลือจากใครบ้างหรือไม่ บางครั้งถูกบังคับให้ส่งข้อความไปที่บ้านว่าสบายดี อย่างไรก็ตามทั้งคู่จะลบข้อมูลทุกครั้งเมื่อส่งข้อมูลไปแล้วเพื่อป้องกันการตรวจสอบ

“เพื่อนร่วมงานหลายคนถูกเช็คมือถือแล้วยังไม่ได้ลบข้อมูล เขาถูกทำร้ายร่างกาย หากติดต่อในเชิงขอความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอก การลงโทษคือการมัดด้วยโซ่ ใช้ปืนไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย หรือการขังในห้องมืดเป็นเวลาหลายชั่วโมง บางคนถูกให้ยาบางอย่างจนสลบไป ใครที่ไม่ยอมทำงานก็จะโดนทำร้ายร่างกาย” เหยื่อการค้ามนุษย์ให้การ

เหยื่อชาวโมร็อกโกเล่าต่อไปว่า การทำงานที่ได้รับมอบไม่ตรงกับที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ไม่มีใครกล้าปฎิเสธเนื่องจากมีคนถืออาวุธปืนข่มขู่ ลักษณะการทำงานเป็นสแกมเมอร์ หาลูกค้ามาลงทุน Cryptocurrency โดยก่อนเริ่มงานมีคนของบริษัทมาสอนงาน และเริ่มทำงานตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงบ่าย 2 (18 ชั่วโมง) โดยไม่มีสัญญาจ้าง อย่างไรก็ตามเมื่อทำงานได้ 15 วัน ตนได้ขอความช่วยเหลือไปที่พ่อในโมร็อกโก และพ่อได้ขายทรัพย์สินเพื่อหาเงินมาไถ่ตัวจำนวน 7,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และได้จ่ายอีก 367 ดอลล่าร์ให้แก่บริษัทเป็นค่าพาออกจากบริษัทมาส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด

ทั้งนี้ในที่ประชุมมีความเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามมาตรา 6 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และทั้ง 2 คนถูกบังคับขืนใจให้ทำงานในตำแหน่งสแกมเมอร์ โดยมีการข่มขู่และลงโทษเมื่อไม่สามารถหาลูกค้าได้ และมีการเรียกค่าไถ่ตัวเองออกจากบริษัทโดยที่ทั้งสองคนอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีบุคคลมีอาวุธคอยควบคุมและมีการลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย

———— 

On Key

Related Posts

ผวาเหมืองทองเกลื่อนน้ำกก กองกำลังว้าจับมือจีนขุดแร่ทำลำน้ำขุ่น ชาวท่าตอนผวาเดินขบวนเรียกร้องรัฐบาลไทยปกป้อง หวั่นสารพิษปนเปื้อนลงสายน้ำแหล่งประปาของคนเชียงราย

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 น.ส.หอม ผู้ประสานงานมูลRead More →

เพลงชาติกะเหรี่ยงดังกระหึ่มแม่น้ำสาละวินหลังปลอดทหารพม่าในรอบกว่า 20 ปี ชาวบ้าน 2 ฝั่งแดนร่วมจัดงานวันหยุดเขื่อนคึกคักหลังพื้นที่ปลอดทหารพม่า “ครูตี๋”ใช้บทเรียนแม่น้ำโขงถูกทำลายปางตายแนะชุมชนสู้

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่บริเวณหาดทรายริมแม่นRead More →