เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่ชาวโมร็อกโกกลุ่มใหญ่ไม่ต่ำกว่า 21 คน ถูกขบวนการมาเฟียจีนเทาหลอกลวงเข้าไปทำงานในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เขตเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ และอ.แม่สอด จ.ตาก โดยล่าสุดในช่วงสาย ทหารของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA (Democratic Karen Buddhist Army :กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย ) ได้ส่งตัวชาวโมร็อกโก 11 คน และชาวเยเมน 1 คน ให้กับทหารไทย ที่บริเวณลำน้ำน้ำเมย จุดที่ไหลผ่าน ต.ช่องแคบ จากนั้นทั้งหมดได้ถูกนำตัวมายัง ตม.แม่สอด เพื่อเข้าสู่ระบบคัดกรอง และส่งตัวไปอยู่ในความดูแลของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เพื่อดูแลและเตรียมนำสู่กระบวนการ NRM (National Referral Mechanism-) หรือกลไกการส่งต่อระดับชาติ เพื่อคัดแยกผู้ที่อาจเสียหายจากการค้ามนุษย์หรือการบังคับใช้แรงงานหรือบริการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวโมร็อกโกที่ได้รับความช่วยเหลือครั้งนี้ บางคนมีแผลตามตัวและบางคนมีร่องรอยการถูกทำร้าย เพราะต่างถูกบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายโดยเฉพาะเป็นสแกมเมอร์ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือชาวโมร็อกโกออกมาแล้ว 6 ขึ้นซึ่งในวันที่ 9 กรกฎาคม ทั้ง 6 คนจะเข้าสู่กระบวนการ NRM และก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ชาวโมร็อกโก 2 คนได้รับความช่วยเหลือออกมาและเข้าสู่กระบวนการ NRM ก่อนถูกส่งตัวกลับประเทศ
ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า ในวันเดียวกันนี้ยังคงมีชาวโมร็อกโกและชาวต่างชาติอีกนับ 10 คนเดินทางด้วยเครื่องบินมายัง อ.แม่สอด โดยมีชาวจีนเป็นคนชักนำมา และทั้งหมดได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของนายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง คาดว่าทั้งหมดยังไม่รู้ตัวกำลังถูกล่อลวงโดยขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ที่ผ่านมาข่าวการหลอกลวงชาวโมร็อกโกมาทำงานในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยค่อนข้างครึกโครม แต่ขบวนการค้ามนุษย์ของเหล่าจีนเทายังคงหลอกลวงชาวต่างชาติมาได้อย่างต่อเนื่องโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ที่สำคัญเหยื่อชาวโมร็อกโก 2 รายที่ถูกส่งตัวกลับประเทศไปก่อนหน้านั้นได้เล่าระหว่างการสอบสวนในกระบวนการ NRM ถึงเส้นทางการถูกหลอกลวงซึ่งเชื่อมโยงกับฝ่ายต่างๆ ในไทย แต่กลับไม่มีการขยายผลหรือสืบสวนสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.