Search

เมื่อระบบราชการเมินอำนาจศาลปกครอง บทพิสูจน์ปัญหาที่ดินชุมชน“หนองกินเพล”

หลังจากที่นายธนสาร ธรรมสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ผ่านทางวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 กรณีนายวิทยา แก้วบัวขาว ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากข้อพิพาทบนพื้นที่ทับซ้อนระหว่างผู้ถือโฉนดที่ดินกับผู้มีใบจอง โดยขอให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินพื้นที่ ต.หนองกินเพลและ ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีประมาณ 16,000  ไร่  

โดย นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี , นางพัชรินทร์ สุจริต เจ้าพนักงานที่ดิน จ.อุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ เข้าร่วมประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอรเรนซ์ที่สำนักงานที่ดิน จ.อุบลราชธานี 

ซึ่งกรณีของนายวิทยา แก้วบัวขาว และพวก ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ  จ.อุบลราชธานี ถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ทำกินและที่อยู่อาศัย มีการนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการมาตรา 61 ตั้งแต่ปี 2558 จนเวลาผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้วยังไม่เคยมีอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติตามคำสั่งศาล 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ข่าวประชาสัมพันธ์ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ฉบับที่ 662/2567 ซึ่งได้ทำการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รายงานการเข้าร่วมประชุมของ นางพรทิพย์ วงศ์ชู นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ และเจ้าหน้าที่กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมคุมครองสิทธิฯ ให้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาของกลุ่มพีมูฟโดยระบุแนวทางในการช่วยเหลือนายวิทยา 2 ประเด็น ได้แก่ 

1.แต่งตั้งคณะทำงาน ภายใต้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ เพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในที่ดินพื้นที่ ต.หนองกินเพลและ ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จำนวน 16,000 ไร่ ซึ่งทับซ้อนกับพื้นที่เกษตรกรรมของเกษตร และแก้ไขปัญหาข้อพิพาทบนพื้นที่ทับซ้อนระหว่างผู้ถือโฉนดที่ดินกับผู้มีใบจอง รวมทั้งลงพื้นที่เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง โดยมี นายชลธิศ สุรัสวดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีผู้แทนหน่วยงาน และผู้แทนกลุ่มพีมูฟร่วมเป็นคณะทำงาน 

2.มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการถูกทำลายพืชผลทางการเกษตร 
           

ทั้งนี้ ข่าวประชาสัมพันธ์ของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ยังระบุด้วยว่าในที่ประชุมเสนอให้ทางกรมเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน ซึ่งมี นายชลธิศ สุรัสวดี ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนกับของชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองกินเพลและ ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ต่อไป 

ล่าสุด วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 นายจำนงค์ จิตนิรัตน์ 1ในคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาขบวนการพีมูฟ เปิดเผยว่า คณะทำงานของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินฯ ซึ่งนายชลธิศ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กำลังจะตั้งทีมงานเดินทางลงพื้นที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบกรณีปัญหาที่ดินของนายวิทยา  

นายจำนงค์ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดิน ฯ กล่าวว่าสภาพการแก้ปัญหาของรัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงที่ย่ำแย่ไม่ได้จริงจังตั้งใจ ทั้งๆที่สามารถบังคับให้กรมที่ดินปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดได้ 

“ในความเห็นผมนะ ตอนนี้รัฐบาลไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหา ปล่อยไปเรื่อยๆไม่ได้มีความตั้งใจจะแก้อย่างจริงจัง ถ้าจะแก้จริงจังมันต้องมีกระบวนการสั่งการที่รวบรัดมากกว่านี้โดยเฉพาะการสั่งให้ดำเนินการตรวจสอบว่าทำไมไม่ตั้งกรรมการตามมาตรา 61ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กรมที่ดินปฏิบัติ” นายจำนงค์ กล่าว  

โดยเฉพาะประเด็นใบจอง 184 พื้นที่ดังกล่าวถูกโยกย้ายกลับไปกลับมา ซึ่งนายจำนงค์ กล่าวว่ารัฐบาลเองก็ทราบเรื่องนี้แต่ไม่เคยให้ความสำคัญเหมือนไหลตามกรมที่ดินทำให้กรณีของนายวิทยา ไม่เคยมีความคืบหน้า 

“รัฐบาลไม่มีจุดยืนในการแก้ไขปัญหาชาวบ้าน จริงๆแล้วเป็นการทำรายงานเท็จของสำนักงานที่ดินสาขาวารินชำราบ เมื่อมีการตรวจสอบก็พบว่าเป็นการย้ายพื้นที่ใบจองแล้วรายงานว่าไม่ต้องตั้งกรรมการตามมาตรา 61 เพราะที่ดินไม่ได้อยู่ในบริเวณที่พิพาท  พีมูฟก็ไปเรียกร้องแล้วตรวจสอบจนที่ดินกลับมาที่เดิม ผ่านเวลาไป 2 ปี ซึ่งมีการรายงานศาลไปแล้วจึงไม่มีการตั้งคณะกรรมการ มีการพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุมกรรมการตลอดแต่รัฐบาลไม่สั่งการเหมือนไหลตามกรมที่ดินมันเลยไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดก็มีการตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดและระดับอำเภอด้วยมีการเรียกประชุมเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ดินวารินชำราบก็ยืนยันเรื่องใบจอง 184 ว่ามีแค่ 22 ไร่ไม่ได้ยืนยันตามแนวเขต 80 ไร่ของนายวิทยา และไม่เป็นไปตามมาตรา 61คือไม่ยอมรับว่ารายงานเท็จกับศาลเรื่องการย้ายที่ดิน” นายจำนงค์ กล่าว 

นายจำนงค์ กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาทางสำนักงานที่ดินสาขาวารินชำราบ ยินยอมให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบซึ่งก็จะยืนยันทุกครั้งว่าออกเอกสารโดยชอบ แต่ไม่เคยอธิบายถึงการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ให้ตั้งกรรมการตามมาตรา 61 

“ผมพูดในที่ประชุมว่าผมเป็นกรรมการชุดนี้ชุดที่ 10 กว่าแล้ว ทั้งที่รู้อยู่ชัดเจนว่าหลีกเลี่ยงคำสั่งศาล ผมก็พูดเรื่องการไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาล และยืนยันตำแหน่งที่นายวิทยาชี้แนวเขต โดยประธานการประชุมต้องเป็นนายอำเภอ แต่ก็ให้ที่ดินวารินชำราบมาเป็นประธาน ก็เหมือนเอาพวกกันเองมาเป็นประธาน โดยที่ดินก็ยอมสรุปว่าแนวเขตรังวัดของที่ดินไม่ตรงกับแนวที่นายวิทยาชี้ จึงเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีทั้ง 2 แนว ซึ่งการประชุมที่จังหวัดก็ต้องไปสู้กันอีก ว่าไม่มีการดำเนินการตามคำสั่งศาลในการย้ายตำแหน่งที่ดิน และยืนยันเรื่องพื้นที่ตามแนวเขตที่หลังจากขึ้นศาลมาแล้ว 10 กว่าปี ศาลได้เห็นหมดแล้วว่าที่ดินรอบข้างมี 80 ไร่” นายจำนงค์ กล่าว 

ในขณะที่นายทุนอ้างว่ามีโฉนดถูกต้องได้นำรถแบ็คโฮเข้าไปในพื้นที่พิพาทขุดหน้าดินและกระทำการคุกคามข่มขู่นายวิทยาและนางหนูเดือน แก้วบัวขาว มาหลายเดือนแล้วนั้น ในฐานะคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาขบวนการพีมูฟ นายจำนงค์ กล่าวว่า มีการนำเรื่องไปแจ้งต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และตำรวจในพื้นที่ โดยทุกฝ่ายมีปัญหาในการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปสั่งให้นายทุนระงับการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเพราะอ้างว่ามีโฉนด 

“ท่าทีจะต่างจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยเข้ามาใช้กฎหมายแก้ไขปัญหา ตอนอยู่ในอำนาจเตรียมลงพื้นที่ เขาเป็นตำรวจสามารถจัดการได้ แต่พอไม่มีคนที่มีแนวปฏิบัติแบบนี้เลยเกรงใจโฉนด ถ้าดูกรณีหลีเป๊ะและหลายๆที่จะมีช่องทางการใช้อำนาจที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ แต่ไม่ค่อยมีคนใช้ มันต้องมีผลกระทบกับชาวบ้านจริงๆถึงจะมีคนหยิบเอามาใช้ได้ นอกนั้นก็จะไหลตามระเบียบปฏิบัติเดิมอ้างโฉนด” นายจำนงค์ กล่าว 

ด้านนางหนูเดือน แก้วบัวขาว ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากที่ดินทำกินถูกสวมโฉนดขายให้นายทุน กล่าวว่า ต่อสู้ทวงคืนที่ดินของครอบครัวมานานกว่า 30 ปีแล้ว ผ่านการฟ้องร้องจนสามีติดคุก เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆให้ช่วยเหลือนับครั้งไม่ถ้วน เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แม้กระทั่งสู้คดีจนศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กรมที่ดินกลับไปตรวจสอบการออกโฉนดตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้เรื่องที่ดินไปอีกนานแค่ไหน หรือจะได้ที่ดินทำกินของครอบครัวกลับมาอีกครั้งหรือไม่ 

นางหนูเดือน กล่าวว่า ไม่ได้คิดมีความหวังแล้วว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจะทำให้คดีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้วคืบหน้าอะไรได้อีก เพราะใช้เวลาไปกว่า 30 ปีในการสู้เอาที่ทำกินของครอบครัวกลับมา การตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณาเหมือนยื้อเวลาที่สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่รัฐก็จะช่วยกรมที่ดิน ไม่รู้ว่าจะมีทางไหนบ้างแต่ก็ต้องสู้ยืนยันในใบจอง 184 ที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก  

On Key

Related Posts

เหยื่อ 20 ชาติ 261 คนพ้นขุมนรก กะเหรี่ยง DKBA ส่งตัวให้ไทย ญาติสุดปลื้มขอบคุณประเทศไทย แต่อีกนับหมื่นยังถูกกักขัง ผบ.ราชมนู ชี้เป็นผลจากมาตรการ 3 ตัดบริษัทเล็กย้ายหนี-บริษัทใหญ่ลดระดับลง 50%

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าข้าม 28Read More →

ผู้นำกะเหรี่ยง DKBA แจงไม่รู้ไม่เห็นมาก่อนมีเหยื่อต่างชาติถูกบังคับเป็นสแกมเมอร์ระบุพร้อมทำตามความต้องการของรัฐบาลไทย ประสาน“กัณวีร์”ช่วยเหยื่อต่างชาติอีกนับร้อย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้นำกองกำลังกะเหรีRead More →

ชาวบ้านริมโขงโวย เวทีรับฟังเขื่อนสานะคามกีดกันผู้ได้รับผลกระทบ จวก สทนช.ไม่เปิดโอกาสแสดงความเห็นตรงไปตรงมา “หาญณรงค์”จี้หยุดสร้างเขื่อน-สร้างภาระให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สวนอาหารบ่อปลา วRead More →