พล.อ.อาวุโสมินอ่องหล่าย ผู้ก่อรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2021 แต่งตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีรักษาการแทน มินต์ ส่วย อดีตรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 ในสมัยรัฐบาลพลเรือน โดยอ้างว่ามินต์ ส่วย สุขภาพแย่จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แม้ตำแหน่งนี้จะถูกมองเป็นเพียงตำแหน่งพิธีการ แต่ก็มีอำนาจในการลงนามขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งใกล้ถึงกำหนดต่ออายุรอบใหม่ในไม่ช้า
สำนักข่าว Myanmar Now และ Myanmar Pressphoto Agency สื่อฝ่ายประชาธิปไตยเมียนมา รายงานว่าพล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) ผู้ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนตั้งแต่ปี 2021 เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการแทน มินต์ ส่วย อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2024 โดยแถลงการณ์ของ SAC ระบุว่ามินต์ ส่วย มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงตัดสินใจลงนามมอบอำนาจให้แก่มินอ่องหล่ายเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เนื้อหาในแถลงการณ์ของ SAC ระบุด้วยว่า มินต์ ส่วย ในวัย 73 ปี มีอาการด้านระบบประสาท ตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างเชื่องช้า ทั้งยังมีภาวะขาดสารอาหาร จนต้องไปรักษาตัวที่สิงคโปร์ตั้งแต่ต้นปี 2023 แม้ล่าสุดจะกลับมาพักฟื้นที่เมียนมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าอาการจะดีขึ้นจนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย จึงเข้ารับตำแหน่งนี้แทน
ก่อนหน้านี้ มินต์ ส่วย เคยเป็นนายทหารระดับสูงก่อนจะผันตัวมาเล่นการเมืองในสังกัดพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือ USDP (Union Solidarity and Development Party) ซึ่งถูกมองว่าเป็นพรรคนอมินีของนายทหารระดับสูงในกองทัพพม่า และเขาได้รับตำแหน่งรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 ในสมัยรัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยพม่า หรือ NLD ที่อองซาน ซูจี เป็นประธาน แต่ช่วงหลังรัฐประหาร อดีตประธานาธิบดีวิน มินต์ และอองซาน ซูจี ถูกกองทัพพม่าจับกุมตัว และหนุนหลังให้มินต์ ส่วย รับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการตั้งแต่นั้นมา
นักวิเคราะห์การเมืองเมียนมาระบุว่าการที่มินอ่องหล่ายยึดตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีจากมินต์ ส่วย ซึ่งถูกมองเป็นเพียงผู้นำในตำแหน่งหัวโขนและมีบทบาทแค่เชิงพิธีการ สะท้อนว่ามินอ่องหล่ายไม่ไว้ใจใครเลยและต้องการรวบอำนาจไว้กับตัวเอง และการกล่าวอ้างว่า มินต์ ส่วย มอบตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีให้เองก็น่าจะเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะมินอ่องหล่ายกุมตำแหน่งสำคัญเอาไว้เกือบหมดแล้ว ตั้งแต่ผู้นำคณะรัฐประหาร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายกรัฐมนตรี และประธาน SAC ซึ่งโดยรวมแล้วมีอำนาจและบทบาทยิ่งกว่าสภาความมั่นคงและป้องกันแห่งชาติเมียนมา (National Defense and Security Council หรือ NDSC) เสียอีก ถ้าไม่มีการเห็นชอบจากมินอ่องหล่ายคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว Aljazeera รายงานว่าการรับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีของมินอ่องหล่าย เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ NDSC ต้องพิจารณาว่าจะขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วประเทศต่อไปหรือไม่ เพราะกำหนดต่ออายุรอบใหม่จะเริ่มขึ้นราวเดือนสิงหาคม 2024 และมีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลทหารพม่าจะขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่มินอ่องหล่ายยึดตำแหน่งนี้ไว้กับตัว เพราะเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ NDSC ซึ่งมีอำนาจลงนามรับรองประกาศหรือคำสั่งต่างๆ ของรัฐบาลทหารพม่า
การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงต่างๆ จับกุม คุมตัว และปราบปรามผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยเป็นภัยต่อความมั่นคงได้โดยไม่ต้องมีการระบุข้อหาชัดเจน และช่วงเดือนที่ผ่านมา กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าก็ได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีอย่างหนักในหลายพื้นที่ ประกอบกับเดือนสิงหาคมเป็นช่วงเวลารำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีตซึ่งเป็นต้นกำเนิดขบวนการประชาธิปไตยในเมียนมา นักวิเคราะห์จึงคาดว่ารัฐบาลทหารพม่าจะต้องขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีกอย่างแน่นอน
อ้างอิง:
Aljazeera https://www.aljazeera.com/news/2024/7/22/myanmars-military-chief-named-acting-president
Myanmar Pressphoto Agency https://mpapress.com/news/50036/
Myanmar Now https://myanmar-now.org/en/news/myanmar-junta-chief-appoints-himself-acting-president/