วันที่ 8 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ.ชินกร อัศวภูมิ ผกก.ตม.เชียงแสน จ.เชียงราย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแผนปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยการตัดสัญญาณโทรคมนาคมที่ส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะแหล่งอาชญากรรมอาณาจักรคิงส์โรมันซึ่งมีขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มจีนเทาเข้าไปปักหลักและหลอกลวงชาวต่างชาติให้เข้าไปทำงานต้มตุ๋นออนไลน์ว่า ในส่วนของ ตม.เชียงแสน ภายหลังได้รับการสั่งการได้บูรณาการร่วมกันหน่วยงานความมั่นคงและปกครองในพื้นที่ได้มีการแบ่งปันข้อมูลการเข้าออกเมืองของ ตม.เชียงแสน
ผกก.ตม.เชียงแสนกล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทาง ต.ม.ได้เข้มงวดในการเข้าเมืองของต่างชาติที่เข้าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน โดยมีคนจีนลดลงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ จากปกติมีชาว จีนผ่านด่านนี้อยู่ราว 100-200 คน จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สามารถขอวีซ่า On Arrival ได้ 60 วัน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มมากขึ้น แต่ทาง ต.ม.ใช้วิธีการคัดกรองโดยคนที่เข้ามาต้องแสดงแผนการท่องเที่ยว เช่น การจองโรงแรม ที่พัก เที่ยวบินในประเทศไทยมาแสดงด้วย ผู้ที่ไม่แผนการท่องเที่ยวโชว์ ต.ม.จำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าเมืองเป็นไปตามมาตรการที่สกัดการอาชญากรรมของฝ่ายความมั่นคง ส่วนคนไทยทาง ต.ม.ไม่สามารถปฏิเสธการเข้าออกได้ แต่ได้รวบรวมข้อมูลสถิติเพื่อส่งต่อหน่วยงานที่เพื่อการเฝ้าระวัง และทำงานแบบบูรณาการร่วมกันต่อไป
พ.ต.อ.ชินกร กล่าวว่าทราบว่าในช่วงประมาณ 1 เดือนกว่าที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้เข้าไปกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมันแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงแสนรายหนึ่งเปิดเผยว่า ภายหลังการรับมอบแผนปฏิบัติการ ระเบิดสะพานโจร ได้แบ่งปันข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยฝ่ายปกครองได้มอบหมายให้ผู้นำชุมชน 21 หมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดนลาว 13 ชุมชน และเมียนมา 1 ชุมชน ร่วมกันเฝ้าระวังติดตามการลักลอบหรือกระทำผิดกฎหมายบริเวณชายแดนอย่างเข้มข้น และมีการติดตามพฤติการณ์ผู้มีความเสี่ยงว่าจะกระทำผิดจากข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการกัน ผ่านการดำเนินการของ คณะกรรมการชายแดน ไทย-ลาว ไทย-เมียนมา
วันเดียวกันนี้บัญชีทวิตเตอร์ หรือ X ของสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพ โดยมีเนื้อหาว่าสถานทูตฯ ได้ช่วยเหลือเยาวชนอินเดียเพิ่มอีก 14 คนจากแหล่งอาชญากรรมออนไลน์ในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ (ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย) และได้เผยแพร่รูปภาพเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือและส่งกลับไป โดยเป็นรูปที่ด่านพรมแดนฝั่งลาว และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
“เจ้าหน้าที่ของเราทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับทางการลาว เพื่อให้แน่ใจว่าเยาวชนจะถูกส่งตัวกลับประเทศอินเดียอย่างปลอดภัย จนถึงขณะนี้มีเยาวชนอินเดียได้รับการช่วยเหลือแล้วจำนวน 548 คน” สถานทูตระบุ พร้อมโพสรูปภาพคำเตือนเป็นภาษาอังกฤษและฮินดี แปลได้เนื้อหาสำคัญว่าสถานทูตอินเดียเวียงจันทน์ และคำแนะนำสำหรับชาวอินเดีย เรื่องระวังข้อเสนองานปลอมหรือแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศลาว
“มีหลายกรณีเมื่อเร็วๆ นี้ที่ชาวอินเดียถูกล่อให้เข้าทำงานผ่านประเทศไทยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว งานเหล่านี้ถูกโฆษณาว่าเป็นงาน ฝ่ายขายและการตลาดดิจิทัล’หรือ ฝ่ายบริการสนับสนุนลูกค้า โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ (Golden Triangle Special Economic Zone)” คำเตือนของสถานทูตระบุ และว่าบริษัทเหล่านี้อ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัทในดูไบ กรุงเทพฯ สิงคโปร์ มาเปิดรับพนักงานอินเดีย โดยมีเพียงการสัมภาษณ์งานง่ายๆ และการทดสอบการพิมพ์ ซ้ำยังเสนอเงินเดือนสูง มีเอกสารการจองโรงแรม พร้อมกับตั๋วเครื่องบินไปกลับ และช่วยอำนวยความสะดวกขอวีซ่าเข้าเมือง
“เมื่อเหยื่อถูกนำตัวข้ามพรมแดนจากไทยไปยังลาวอย่างผิดกฎหมาย และถูกควบคุมตัวไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เป็นการบังคับทำงานภายใต้สภาวะที่เข้มงวดและกดดัน บางครั้งมีการเรียกค่าไถ่โดยกลุ่มอาชญากร เหยื่อถูกบังคับให้ทำงานในสภาพที่กดดันอย่างหนัก มีการทรมานทางร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง ในบางกรณี คนงานชาวอินเดียถูกนำตัวไปยังภาคอื่นของลาว ถูกบังคับให้ทำงานหนัก เช่น ทำเหมือง โรงงานไม้ ส่วนใหญ่เหยื่อถูกแสวงหาประโยชน์และเสี่ยงในการทำงานที่ผิดกฎหมาย
“ชาวอินเดียจำนวนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือภายใต้สภาวะที่ยากลำบากมาก สำหรับวีซ่า on arrival ที่ขอเมื่อมาถึงในประเทศไทยหรือลาวนั้นไม่อนุญาตให้มีการจ้างงาน และทางการลาวไม่ได้ออกใบอนุญาตทำงานให้กับชาวอินเดียที่เดินทางมาลาวด้วยวีซ่าดังกล่าว เป็นเพียงวีซ่าท่องเที่ยวเท่านั้น
“โปรดทราบว่าผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์ถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 18 ปีในประเทศลาว ดังนั้น บุคคลสัญชาติอินเดียไม่ควรถูกล่อลวงและเป็นเหยื่อแก๊งอาชญากร และขอให้ใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด และตรวจสอบประวัติของตัวแทนจัดหางานและบริษัทใดๆ ก่อนที่จะรับข้อเสนองานใดๆ ในลาว หากต้องการความช่วยเหลือหรือการชี้แจงเกี่ยวกับการเสนองานใน สปป. ลาว โปรดติดต่อสถานทูตอินเดียที่หมายเลขติดต่อฉุกเฉิน” เอกสารของสถานทูตอินเดียระบุ