
สำนักข่าว SHAN รายงานเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ว่า ทางการพม่าตรวจเข้มเยาวชนที่เดินทางออกจากประเทศผ่านสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง นับตั้งแต่ต้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 หน่วยงานราชการของพม่าบริเวณสนามบินมักหาข้ออ้างต่างๆเพื่อไม่ให้เยาวชนเดินทางออกจากประเทศ เช่น บอกว่ายังขาดเอกสารต่างๆ โดยเยาวชนที่ถือหนังสือเดินทางสำหรับทำงาน แม้จะมีเอกสารทำงานถูกต้องตามที่ทางการพม่าระบุ ก็ยังถูกห้ามเดินทางออกประเทศ
ขณะที่เยาวชนที่ถือหนังสือเดินทางประเภทท่องเที่ยวบางส่วนถูกห้ามเดินทางออกจากประเทศเช่นเดียวกัน โดยเยาวชนจำนวนมากทยอยเดินทางออกจากพม่า หลังกองทัพพม่าประกาศใช้กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยเยาวชนบางส่วนมองว่า กฎหมายฉบับนี้ยิ่งทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกมากยิ่งขึ้น หากต้องอยู่ในประเทศต่อไป
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าว Mizzima รายงานว่า เมืองหมู่เจ้ ทางเหนือของรัฐฉาน ติดกับชายแดนจีน และยังคงอยู่ในการควบคุมของกองทัพพม่า ขณะนี้กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากกองทัพสามพี่น้อง ซึ่งประกอบด้วย กองกำลังปะหล่อง TNLA กองกำลังโกก้าง MNDAA และกองทัพอาระกัน AA หลังจากที่ทั้ง 3 กลุ่มเริ่มเข้ามาประจำในพื้นที่ โดยยื่นคำขาดให้กองทัพพม่าวางอาวุธแต่โดยดีเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย
แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เนื่องจากสถานการณ์ในเมืองหมู่เจ้ไม่ปลอดภัยเพราะสุ่มเสี่ยงจะถูกโจมตี ทำให้พล.ต.โซหล่าย ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกองทัพพม่าในเมืองล่าเสี้ยว ต้องข้ามไปอยู่ฝั่งจีน ที่เมืองรุ่นลี่ ตรงข้ามเมืองหมู่เจ้ เพื่อบัญชาการรบในพื้นที่ ก่อนหน้านี้กองกำลังโกก้างสามารถยึดเมืองล่าเสี้ยวได้สำเร็จ ทำให้เขาไม่สามารถไปบัญชาการรบในเมืองล่าเสี้ยวได้และพลาดรับตำแหน่ง
รายงานข่าวระบุว่า สถานการณ์ของทหารพม่าในเมืองหมู่เจ้นั้น กำลังตกอยู่ในสภาพลำบาก เนื่องจากเส้นทางทั้งหมด รวมไปถึงเส้นทางที่จะส่งกำลังเสริมเข้ามาในเมืองหมู่เจ้นั้นถูกฝ่ายต่อต้านยึดได้หมดแล้ว การส่งกำลังเสริมทำได้เพียงการขนส่งทางเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น หรืออีกทางเลือกคือการข้ามชายแดนไปยังฝั่งจีน ซึ่งขณะนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพพม่าแล้ว ยังมีเจ้าหน้าบริหารในพื้นที่และครอบครัว รวมไปถึงเจ้าหน้าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของทางการพม่าต่างก็ข้ามไปปฏิบัติหน้าที่ในฝั่งจีนหมดแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า หากเมืองหมู่เจถูกฝ่ายต่อต้านโจมตีจริงๆ เชื่อว่ากองทัพพม่าจะยอมวางอาวุธ เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น และเมืองหมู่เจ้นั้นอยู่ใกล้กับจีน จนถึงขณะนี้ ประชาชนยังสามารถข้ามไปยังชายแดนจีนได้ตรงประตู Sinphyu และตรงบริเวณประตูฉ่วยหนั่นด่อว์ได้ตามปกติ ซึ่งประชาชนฝั่งพม่าที่มีหนังสือข้ามแดนเล่มสีแดงสามารถข้ามไปอาศัยอยู่ในฝั่งจีนได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แม้ยังไม่มีสงครามเกิดขึ้น แต่ขณะนี้กองทัพฝ่ายต่อต้านนั้นเข้าประชิดเมืองหมู่เจ้แล้ว ในขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่นั้นไม่เป็นผล ทำให้มีปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้นในเมืองหมู่เจ้เช่น การปล้นสดม การลักพาตัวเป็นต้น จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าออกจากบ้าน
อนึ่ง หมู่เจ้เป็นเมืองชายแดนในภาคเหนือของรัฐชาน และเป็นประตูการค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างจีนกับพม่า ฝั่งตรงข้ามหมู่เจ้คือเมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไตและจิ่งพัว เต๋อหง มณฑลยูนนานของจีน โดยมีแม่น้ำมาว หรือแม่น้ำฉ่วยหลี เป็นเส้นแบ่งกั้นเขตแดน