เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 นายสุธีระ พึ่งธรรม ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ส่งไปยังบริเวณแหล่งอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้านว่า กฎหมายเราแต่เดิมเป็นการส่งเสริมการประกอบกิจการโทรคมนาคม ไม่มีบริบทการพูดถึงการป้องกันภัยไซเบอร์ แต่วันนี้สังคมเปลี่ยนไปมาก แต่กฎหมายไม่ขยับ จึงต้องเปลี่ยนต้องแก้ไขกฎหมาย ซึ่ง กสทช.ได้ทำเต็มที่ภายใต้ระเบียบกฎหมายที่มีอยู่ แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานจะดำเนินการแก้ไขปัญหาเต็มที่ แต่สถิติการร้องเรียนเรื่องภัยไซเบอร์ยังไม่ลดลง เพราะยังมีสายสัญญาณแอบอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
“หลัก ๆเราได้เรียกโอเปอเรเตอร์มาตักเตือน โดยกฎหมายปกครองก็ต้องมีหนังสือแก้ไขตักเตือนก่อนว่าห้ามมีแบบนี้เกิดขึ้นอีก ถ้ามีก็จะมีโทษปรับทางปกครอง ที่จะต้องเป็นมาตรการเข้มขึ้นไป”นายสุธีระ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการลักลอบลากสายเคเบิลใต้ดินยาว 10.5 กม.ข้ามจากหมู่บ้านสันติสุข อ.แม่จัน จ.เชียงรายไปยังเมืองยอน ประเทศพม่าซึ่งเป็นเขตอิทธิพบของกองกำลังว้าถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของบ้านเมือง จะไม่ดำเนินการใดๆหรือ นายสุธีระกล่าวว่า ตนเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยไป แต่หลักเรียกว่าเป็นกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการการปกครอง ในเมื่อฝ่าฝืนคำสั่งจะต้องมีมาตรการสั่งให้แก้ไขก่อน หากแก้ไขแล้วเกิดการกระทำซ้ำอีกถือว่าไม่ได้แก้ไข ถ้าแก้ไขในพื้นที่หนึ่ง แต่ไปเกิดพื้นที่อื่น เราจะมองว่าไม่ได้แก้ไข เป็นการปล่อยปละละเลยจะเป็นขั้นตอนมาตรการปรับ
“กรณีที่บริษัทเช่าสายสัญญาณโทรคมนาคมเป็นบริษัทต่างชาติ ทาง กสทช.ก็ไม่มีอำนาจเรียก เมื่อไม่มีนิติบุคคลอยู่ในเมืองไทย อาจจะแจ้งผ่านรัฐบาลไปถึงบริษัทของประเทศว่ามีบริษัทของประเทศเขามาดำเนินการเช่นนี้ เพื่อให้ประเทศนั้น ๆ เข้มงวดด้วย ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต้องตบมือทั้งสองข้าง” ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม กล่าว
นายสุธีระกล่าวว่า กสทช.ก็ไม่สบายใจ เพราะสถิติการโดนหลอกไม่ลดลงเลย การสูญเสียของประชาชนต่อวันเฉลี่ย 100 ล้าน การปรับเปลี่ยนทิศทางการส่งสัญญาณเป็นเรื่องจำเป็นต้องปฏิบัติเพื่อลดภัยไซเบอร์ อย่างไรก็ตามเรามีการพูดถึงมาตรการเพิ่มเติมในอนาคตที่จะมีการหารือกับทีมงานนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงมหาดไทย ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้เพื่อร่วมกัน หลังจากนั้นจะร่วมกันตรวจสอบ ในการตั้งสถานีที่ไม่ขอใบอนุญาตก่อสร้างเสาซึ่งต้องมีใบอนุญาตด้วย ตาม พ.ร.บ.อาคารสูง
“เราคุยเรื่องการลักลอบลากสายด้วย อยากให้มีมาตรการเด็ดขาด ถ้าเจอให้แจ้งทาง กสทช. เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจและจับกุมผู้กระทำความผิด ตอนนี้ส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจไปตรวจสอบแล้ว เป็นข้อมูลสรุปการเช่าสายอินเตอร์เนตเพื่อการตรวจสอบตามบริเวณชายแดน เพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจดูมีบ้านไหนบ้างและมีความเหมาะสมการใช้สมเหตุสมผลหรือไม่”ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม กล่าว
ขณะที่เฟสบุค เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมคำ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ได้มีการจัดประชุมเพื่อกำจัดกลุ่มแก๊งค์ ฉ้อโกง โทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติ ในขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ โดยเป็นประธานร่วมของนายปอ ทองจัน มะนีไช เจ้าแขวงบ่อแก้ว และจ้าว เหว่ย ประธานคณะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยมีผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้ากว่า 300 เข้าร่วม
นายปอ ทองจัน มะนีไช เจ้าแขวงบ่อแก้ว ได้รายงานต่อกองประชุมถึงการกำจัดกลุ่มแก๊งค์ ฉ้อโกง โทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติ ว่าปัญหาการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม มีผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรงและเป็นข้อแก้ตัวของประเทศตะวันตก และประเทศรอบข้าง สำหรับนักพัฒนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษ แขวงบ่อแก้ว ความร่วมมือของผู้พัฒนากลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำของจ้าว เหว่ย ได้ให้ความสนใจสนับสนุนงานต่างๆของรัฐบาลลาว เฉียบขาด และให้ความสำคัญกับการป้องกันการฉ้อโกงโทรคมนาคมข้ามชาติอย่างไม่หยุดยั้ง
“ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำให้ความร่วมมือ และมีส่วนร่วมในงานโฆษณาอย่างแข็งขัน ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในด้านวัตถุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมอบผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก เขตเศรษฐกิจพิเศษ ยืนยันว่าจะกำจัดทั้ง 3 กลุ่มนี้ออกไปคือ การเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย การฉ้อโกง โทรคมนาคม ผู้หลบหนีทางอินเทอร์เน็ต”
พลจัตวาวันทอน สุลิสัก รองหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ รายงานว่า จะดำเนินการกำจัดกลุ่มแก๊งค์ฉ้อโกง โทรคมนาคม(Call Center) เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ เฉียบขาด คือ 1.ตั้งแต่วันที่ 9 – 25 สิงหาคม 2567 บรรดาหน่วยที่ฉ้อโกง โทรคมนาคม(Call Center) ให้หยุดและจะเข้มงวดพร้อมการรื้อถอนอุปกรณ์ทางเทคนิคที่ใช้ในการฉ้อโกงออกจากอาคารทั้งหมด
2.เจ้าของกิจการ จะต้องรับผิดชอบต่อพนักงานในการจ่ายค่าจ้าง อำนวยความสะดวก ในการเดินทางกลับประเทศ 3.หลังจากวันที่ 25 สิงหาคม 2567 จะตั้งคณะกรรมการพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
———–
