Search

ยุทธการ“ระเบิดสะพานโจร”  เหวี่ยงแห่ตัดอินเตอร์เน็ตข้ามแดน ระวังระเบิดลง “สะพานประชาชน”

ใกล้รุ่ง พรหมสุภา

           

ตลอดร่วมปี เสียงร้องเรียนถึงการค้ามนุษย์ยุคที่ไทยกลายเป็นทั้งประเทศต้นทางและทางผ่าน (transit) เข้าสู่พม่าแทนที่จะเป็นปลายทางของการค้าคนจากพม่ามาไทยแบบเดิม ๆ มักได้รับคำตอบเพียงว่า อาชญากรรมนี้เกิดขึ้นในอาณาจักรธุรกิจเทาของประเทศอื่น เจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถข้ามพรมแดนไปช่วยเหยื่อนับแสนได้ จึงไม่มีอะไรที่รัฐไทยจะทำได้

            แต่ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้ รัฐบาลของ (อดีต) นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ก็ลุกขึ้นมาแสดงความพยายามในการจัดการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ในอาณาจักรอาชญากรรมชายแดนเดียว ๆ กันนั้นอย่างขมีขมัน ส่วนสำคัญก็เพราะสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ปลอม หรือเรียกเป็นไทยได้ว่าแก๊งค์ต้มตุ๋นทางโทรศัพท์และออนไลน์ ได้ปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าทำลายชีวิตผู้คนพังพินาศไปมากมายขนาดไหน ในการอภิปรายของฝ่ายค้านในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อเมษายนที่ผ่านมา อาณาจักรอาชญากรรมและศูนย์สแกมเมอร์เมืองเมียวดีก็เป็นหนึ่งในประเด็นร้อนที่ได้พื้นที่สื่อทั้งภาษาไทยและต่างประเทศไม่น้อย

            มาตรการสำคัญของรัฐบาล มุ่งไปที่สิ่งแรกที่ทำได้โดยไม่ซับซ้อนมาก ซึ่งคือการยกเลิกการจ่ายไฟฟ้าและตัดขาดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตจากไทย สอดคล้องกับหนึ่งในข้อเสนอของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร ที่นำคณะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตากในเดือนถัดมา

**************

            ปฏิบัติการตัดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตตามยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ที่มุ่งจัดการกับ เสา สาย ซิม ได้แก่การเข้าควบคุมหรือปรับเสาสัญญาณที่เคยหันเข้าประเทศเพื่อนบ้านออกและทำให้สัญญาณอ่อนลง กับการตัดสายเคเบิลใยแก้ว (fiber optic) ที่ถูกลากข้ามแดนไป ดังเช่นกรณีสายที่ลากจากหมู่บ้านใน อ.แม่สอด จ.ตากไปเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง (มิถุนายน) และจากหมู่บ้านสันติสุขใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไปฐานกองกำลังว้าในเมืองยอน รัฐฉาน ซึ่งขึ้นชื่อในด้านความสัมพันธ์กับยาเสพติดและธุรกิจมืด (กรกฎาคม) 

            แต่ เมื่อมีอุปสรรคในการใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการไทย เครือข่ายอาชญากรรมก็แก้ปัญหาได้ทันท่วงที ไม่ต่างอะไรกับที่เคยเตรียมสนามปั่นไฟขนาดยักษ์ไว้รองรับการตัดไฟจากไทยมาแล้ว  นอกจากส่วนหนึ่งจะหันมาใช้บริการอินเตอร์เน็ตคุณภาพไม่คงที่ของบริษัทมายเทล (Mytel) ซึ่งเป็นธุรกิจของกองทัพพม่าร่วมกับเวียดนามแล้ว “สตาร์ลิงค์” อินเตอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูงของบริษัท สเปซเอ็กซ์ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างมาก

            ด้วยเหตุนี้ ชุดอุปกรณ์สตาร์ลิงค์ที่เพิ่มเริ่มวางขายทั่วไปในปีพ.ศ. 2565 และมีผู้ใช้งานกว่าร้อยประเทศทั่วโลก หาก กสทช.ยังไม่บรรลุข้อตกลงกับสเปซเอ๊กซ์และไม่อนุญาตให้ใช้ จึงถูกวาดภาพให้เป็นของ “เถื่อน” ที่เลวร้ายในประเทศไทย

            ปฏิบัติการตามล่าสตาร์ลิงค์เริ่มราวเดือนเมษายน พ.ศ. 2567  ด้วยถือว่าเป็นอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรและผิดกฎหมายพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม  แม้ชุดสตาร์ลิงค์ทั้งหลายจะเพียงแค่ผ่านทาง (transit) ประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านและไม่ได้มีเป้าหมายที่จะถูกแกะใช้ในไทยก็ตามที  ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.) รายงานข่าวความสำเร็จในการยึดสตาร์ลิงค์หลายร้อยชุดและจับกุมผู้เกี่ยวข้องหลากสัญชาติได้จำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือน ทว่าเครือข่ายสแกมเมอร์ก็ดูจะไม่สะทกสะท้าน เร่งก่อสร้างเมืองธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งกลางวันกลางคืน แผ่พรวดพราดจากชายแดนเมียวดีตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยังฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ ยาวลงใต้ถึงเมืองพญาตองซูติดด่านเจดีย์สามองค์ จ. กาญจนบุรี  ขณะที่เครือข่ายทางด้านใต้บริเวณเกาะสองตรงข้ามจ.ระนองก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

            เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ลำพังการตัดไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตก็เป็นได้เพียงการบีบแตรแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เครือข่ายอาชญากรรมชะงักและต้อง “ยุ่งยาก” มากขึ้นกว่าเดิมบ้างเท่านั้น ผลของปฏิบัติการคงอยู่ได้เพียงระยะสั้น ๆ ตราบใดที่รัฐยังไม่ดำเนินมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วยตามที่หลายฝ่ายเสนอไว้ เช่น การทลายเครือข่ายผลประโยชน์ ฟอกเงิน และจัดหา (recruit) สแกมเมอร์ในชายแดนไทย การเข้มงวดกับการลักลอบส่งออกเหยื่อการค้ามนุษย์ตลอดจนการเข้า-ออกทั้งทางด่านและท่าข้ามของพลเมืองทุกสัญชาติ ที่รู้กันอยู่ว่าไปมาเพื่อทำงานในอาณาจักรอาชญากรรมเหล่านี้

            และที่สำคัญ ในยุคสมัยที่รัฐบาลทหารของพม่าไม่สามารถมีอำนาจปกครองพื้นที่ชายแดนได้จริง การเจรจาต่อรอง ประสานงาน หรือขอความร่วมมือทั้งในระดับเฉพาะหน้า กลาง และยาวที่จะประสบผลก็ย่อมไม่ใช่กับกองทัพพม่า แต่เป็นองค์การปฏิวัติชาติพันธุ์ (Ethnic Revolutionary Organizations) กับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่

**************

            ขณะที่ธุรกิจสแกมเมอร์ซึ่งมีเม็ดเงินและเครือข่ายผลประโยชน์ใน-นอกประเทศจะสามารถเนรมิต “สะพาน” ที่ถูกระเบิดไปได้ใหม่ในพริบตา ความพยายามดักหนทางเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกลับส่งผลกระทบสาหัสกับประชาชนทั่วไป อันได้แก่ชาวบ้านชาติพันธุ์ และเครือข่ายสื่อมวลชน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักสู้เพื่อประชาธิปไตยจากประเทศพม่าทั้งหลาย

            เพราะอินเตอร์เน็ตไม่ได้เป็นแต่เพียงอาวุธของอาชญากร แต่ยังเป็นอาวุธของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและการอยู่รอดอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนทั่วไปด้วย 

            ชุมชนชาติพันธุ์ติดชายแดนใช้บริการอินเตอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์จากผู้ให้บริการไทยมานานแล้ว ชาวบ้านบอกว่า อินเตอร์เน็ตไทยนั้นคุณภาพดี ผู้ให้บริการไทยมีโปรโมชั่นในราคาที่เป็นมิตรมากกว่าอินเตอร์เน็ตพม่าที่ไม่ได้ใส่ใจจะเข้าถึงพื้นที่ป่าเขาดงดอยเท่าไรนัก กระทั่งคนในเมืองที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตพม่าได้ก็ยังนิยมซิมการ์ดไทยมากกว่า  ผู้ที่จำต้องใช้อินเตอร์เน็ตจากบริษัทที่ตั้งโครงข่ายสัญญาณในพม่า เช่น มายเทล เอ็มพีที และอูรีดู (Ooredoo) คือคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลึกไปจากชายแดนที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตไทยไปไม่ถึงเท่านั้น

            แต่หลังรัฐประหาร กองทัพพม่าตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ที่ควบคุมโดยองค์กรชาติพันธุ์ และชุมชนชาติพันธุ์ชายแดนพบว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตของตนหายไปหลังจากรัฐไทยมีปฏิบัติการตัดอินเตอร์เน็ตข้ามแดน สตาร์ลิงค์จึงมีความสำคัญยิ่ง

            “เรานำเข้าสตาร์ลิงค์ผ่านไทยเพราะต้องการใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียน ในสถานพยาบาล เพื่อศึกษาออนไลน์ เพื่อรับข้อมูลข่าวสารของประเทศและของโลก หรือกระทั่งเพื่อดูหนังฟังเพลงเหมือนคนทั่ว ๆ ไป องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานพัฒนาและให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมก็ต้องการอินเตอร์เน็ตในการรับข้อมูลและการสื่อสาร อินเตอร์เน็ตไม่ใช่ความหรูหราฟุ่มเฟือย และไม่ใช่อาวุธอันตราย” สมาชิกกลุ่มประชาสังคมรายหนึ่งอธิบาย หลังจากมีข่าวการยึดสตาร์ลิงค์และจับกุมผู้เกี่ยวข้องอยู่เสมอ

            เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อินเตอร์เน็ตในพื้นที่ความขัดแย้งและพื้นที่ชาติพันธุ์ เครือข่ายนักกิจกรรมและประชาชนผู้ไม่เห็นชอบกับการยึดอำนาจของคณะทหารพม่าจำนวนหนึ่งก็เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยสั่งซื้อ หรือขนส่งอุปกรณ์ข้ามพรมแดน  แม้บริบทการตรวจยึดจับกุมช่วงเดือนแรก ๆ อาจพบบุคคลที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจสแกมเมอร์ในอาณาจักรอาชญากรรมจีนเทา เช่น เป็นพัสดุจากไต้หวัน มีผู้รับหรือผู้ขนส่งเป็นคนจีน เป็นต้น แต่่ในระยะต่อมาถึงปัจจุบัน การติดตามการสั่งซื้อสตาร์ลิงค์ได้นำไปสู่การจับกุมสมาชิกองค์กรภาคประชาสังคมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากประเทศพม่าจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งก็ลี้ภัยเข้ามาโดยไม่มีเอกสารแสดงตนหรือถือวีซ่าผิดประเภท จึงถูกดำเนินคดีตามพรบ.คนเข้าเมืองร่วมด้วย

            ปฏิบัติการระเบิดสะพานโจร จึงกลายเป็นการโปรยระเบิดจากฟ้าที่ตกลงบนสะพานประชาชน ภาคประชาสังคมตลอดจนนักปกป้องสิทธิฯที่อยู่ในภาครัฐมีงานเพิ่มทวีคูณกับการคอยวิ่งช่วยเหลือไม่ให้นักกิจกรรมคดีสตาร์ลิงค์ถูกส่งกลับประเทศ ซึ่งย่อมหมายถึงอันตรายต่อชีวิต  สตาร์ลิงค์ที่เป็นเพียงอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตกลายเป็นของ “เถื่อน” ที่ราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้น เพียงจะมีอินเตอร์เน็ตใช้ในชุมชนก็กลายเป็นเรื่องที่ต้อง “แลก” มาด้วยความเสี่ยงและความตึงเครียดอย่างไม่น่าเชื่อ

**************

            ผู้นำชาวกะเรนนีคนหนึ่งกล่าวว่า ในเรื่องการต่อสู้ของเรานั้น ก็เป็นเรื่องที่เราต้องสู้ด้วยตนเอง ไม่สมควรที่จะขออะไรจากรัฐบาลไทยมากนัก หากเราอยากขอ เพียงให้รัฐบาลไทยอย่าได้ตัดขาดการสื่อสารระหว่างคนของเรากับโลกภายนอก อินเตอร์เน็ตไม่ได้ถูกใช้ในการศึกสงครามและการต่อสู้ทางการเมืองมากไปกว่าการต่อสู้เพื่อการอยู่รอดของประชาชน  การส่งอุปกรณ์สตาร์ลิงค์เข้าสู่พื้นที่กะเรนนีไม่ได้เป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศไทย แต่เป็นการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ให้แก่ภูมิภาค

            ในวันที่โลกกำลังพูดถึงสิทธิทางดิจิตอล (digital rights) ในมุมสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ทางดิจิตอล เช่น เสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น สิทธิต่อความเป็นส่วนตัว  สิทธิต่อความปลอดภัย และมุมสิทธิที่จะเข้าถึงพื้นที่ดิจิตอล-อินเตอร์เน็ต ซึ่งคือสิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสาร สิทธิต่อการศึกษา ตลอดจนสิทธิในการเข้าถึงบริการทางสังคมที่จำเป็น ปฏิบัติการตัดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตข้ามแดนจะต้องได้รับการชั่งน้ำหนักถึงผลที่ได้กับความเสียหายข้างเคียง (collateral damage) ซึ่งจะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นสิ่งปกติโดยเด็ดขาด

            ยังมีอีกหลายข้อเสนอมาตรการดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ที่รัฐไทยจะต้องดำเนินควบคู่กันไปเพื่อผลลัพท์ในการจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลก็อาจสามารถดำเนินแนวทาง “ระเบิดสะพานโจร” ต่อไปได้ หากด้วยความตระหนัก เข้าใจ และมีเจตจำนงที่จะไม่สร้างความเสียหายต่อสะพานของประชาชน 

            ที่สำคัญ สตาร์ลิงค์จะต้องไม่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับนักปกป้องสิทธิฯลี้ภัย และในขณะที่ข้อตกลงกับบริษัทสเปซเอ๊กซ์ยังไม่ หรือจะไม่บรรลุผล นโยบายกฎหมายที่ยอมรับและให้ความคุ้มครองกับนักปกป้องสิทธิฯและผู้ลี้ภัยก็คือความสำคัญจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →