By Oh Ra Ra
แหล่งข่าวในกองทัพคะฉิ่น (KIA) ยืนยันว่ากองพลทหารราบเบา 437 ของรัฐบาลทหารพม่าในเมืองโมมกของรัฐคะฉิ่น ถูกกองกำลังผสมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยึดได้สำเร็จเมื่อเวลา 16:00 น. วันที่ 19 สิงหาคม 2024 โดยที่เมืองแห่งนี้มีความสำคัญเพราะเปรียบได้กับป้อมปราการป้องกันเมืองบะเหม่าซึ่งมีพรมแดนบางส่วนติดมณฑลยูนนานของจีน
กองกำลังผสมของ KIA ยึดรถถังและกระสุนได้เป็นจำนวนมากระหว่างเข้าไปสำรวจพื้นที่ในค่ายทหารราบเบา 437 ซึ่งทหารพม่าในค่ายหลบหนีไปเกือบทั้งหมด
“ในค่ายแทบจะไม่เหลือทหารพม่าให้จับกุมอีก เพราะหนีไปกันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ร่างทหารพม่าที่เสียชีวิตในการต่อสู้” นักรบของ KIA ระบุ
การต่อสู้ที่เมืองโมมกระหว่าง KIA และทหารใต้บังคับบัญชาของสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) หรือรัฐบาลทหารพม่า ดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน โดยมีทหารพม่าถูกสังหารราว 200 นาย และนักรบของ KIA ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
“ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับกองพลทหารราบเบา 437 ทางฝั่งเราบอกให้พวกเขายอมแพ้ ถ้าใครยกธงขาวออกมาจากค่ายก็จะรอดชีวิต แต่พวกเขาเลือกที่จะสู้ ไม่ยอมหยุด” ทหารนายหนึ่งของ KIA ที่เข้าร่วมต่อสู้กับหน่วย 437 กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา
หลังจาก KIA ยึดค่ายทหารดังกล่าวได้ กองทัพพม่าในเมืองบะเหม่าได้ระดมยิงตอบโต้ทางอากาศอย่างต่อเนื่อง และ KIA สามารถสกัดขบวนยานพาหนะของทหารพม่าที่ออกมาจากเมืองบะเหม่าเอาไว้ได้ โดยสามารถยึดรถได้ 3 คัน รวมถึงรถหุ้มเกราะอีก 1 คัน แต่กองทัพพม่าส่งเครื่องบินรบออกมาทิ้งระเบิดทำลายขบวนรถที่ถูกยึดทั้งหมดในเวลาต่อมา
การต่อสู้ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการพม่าครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง KIA กองทัพอาระกัน (AA) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) แม้ฝ่ายกองทัพพม่ายังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับค่ายที่เพิ่งถูกยึด แต่ค่ายแห่งนี้มีความสำคัญเปรียบได้กับป้อมปราการป้องกันเมืองบะเหม่าซึ่งมีค่ายทหารกองทัพอากาศของพม่าตั้งอยู่ ทั้งยังเป็นคลังสรรพาวุธที่เก็บรักษาโดรนและยานพาหนะลำเลียงต่างๆ และมีทหารประจำการอีกราว 500 นาย ทำให้การต่อสู้เพื่อป้องกันพื้นที่ยุทธศาสตร์แห่งนี้ดำเนินมาอย่างดุเดือดนานเกือบเดือน
อย่างไรก็ดี การตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการยึดค่ายทหารพม่า 437 ดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะกองทัพพม่าได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในรัฐคะฉิ่นตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นมา
นักวิเคราะห์การเมืองและการทหารชาวคะฉิ่นผู้ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ประเมินว่ากองกำลังผสมที่นำโดย KIA จะสู้ต่อเพื่อบุกเข้าไปยังเมืองบะเหม่าได้ในไม่ช้า
“การต่อสู้ครั้งต่อไป KIA จะโจมตีไปยังค่ายทหารที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในบะเหม่า หลังจากนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะบุกไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังเมืองมิตจีนา การยึดบะเหม่าจึงเป็นหนทางที่สะดวกกว่าสำหรับ KIA ในการรวบรวมพื้นที่ทางตอนเหนือให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”นักวิเคราะห์ กล่าว
นโยบายทางการเมืองที่สำคัญของ KIA และปีกการเมืองอย่างองค์การเอกราชคะฉิ่น (KIO) คือการสถาปนากองกำลังในรัฐคะฉิ่นให้มีเพียงหนึ่งเดียวและมีความเป็นเอกภาพ ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยในระบอบสาธารณรัฐ พร้อมยืนยันว่าปฏิบัติการโจมตีจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนกว่า KIA จะบรรลุเป้าหมายในการล้มล้างระบอบเผด็จการทหารพม่า
ทั้งนี้ กองพลทหารราบเบา 437 ที่เพิ่งถูกยึดโดย KIA อยู่ห่างจากเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น ราว 11.2 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหล่ายจ่าซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการของ KIA ราว 81 กิโลเมตร ค่ายทหารแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของทั้งสองฝ่าย
ระหว่างเส้นทางจากเมืองโมมกไปยังเมืองบะเหม่ายังเหลือค่ายทหารพม่าอีก 7 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีจุดเชื่อมต่อถึงกัน ถ้าหาก KIA ต้องการควบคุมเมืองบะเหม่าจะต้องยึดค่ายทั้งหมดเอาไว้ให้ได้
นอกเหนือจากค่ายทหารในเมืองโมมก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา กองกำลังผสม KIA ยังได้ร่วมโจมตีและบุกยึดค่ายทหารพม่า 2 แห่งใน Pha Kang ซึ่งเป็นแหล่งผลิตหยกขึ้นชื่อของเมียนมา โดยสามารถยึดทั้งอาวุธและกระสุนจำนวนมากเอาไว้ได้ในคราวเดียว และจับกุมเชลยศึกได้มากกว่า 10 ราย หลังจากนั้นกองทัพพม่าได้ตอบโต้ด้วยการระดมยิงโจมตีพื้นที่รอบศูนย์บัญชาการ KIA ในหล่ายจ่า แต่ไม่อาจระบุได้ว่าระเบิดเหล่านั้นสร้างความเสียหายในบริเวณใดบ้าง
ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งจีนซึ่งยิงพลุสัญญาณใกล้กับเมืองหล่ายจ่า และมีเครื่องบินลาดตระเวนตามแนวชายแดนเมียนมา-จีน ซึ่งประเด็นนี้เป็นการให้ข้อมูลจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในหล่ายจ่า
ปฏิบัติการโจมตีของ KIA ครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2024 โดยสามารถยึดค่ายทหารพม่ากว่าร้อยแห่ง ทั้งยังยึดอาวุธต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก และยึดเมืองได้ทั้งหมด 7 เมือง รวมถึงเมือง Sejal ซึ่งเป็นเมืองการค้าชายแดนที่ติดกับประเทศจีน
