เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567สำนักข่าว Eleven Media รายงานว่า เขตปกครองของกองทัพว้า (UWSA) ทางภาคตะวันออกและทางใต้ของรัฐฉาน ประเทศพม่า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เขตทหาร 171 ที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567ให้ชาวว้า ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เช่น ลาว ต้องเดินทางกลับถิ่นฐานและมารายงานตัวลงทะเบียนกับหน่วยงานความมั่นคงของว้าระหว่างวันที่ 31 สิงหาคมถึง 7 กันยายน 2567 นี้ เพื่อลงทะเบียนเป็นทหาร โดยเตือนว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนดเวลาจะถูกจับกุม
ประกาศของผู้ปกครองว้าระบุว่า กองทัพว้าเตรียมที่จะเกณฑ์ทหารใหม่ในเขตพื้นที่ปกครองว้าทางใต้และทางเหนือของรัฐฉานอีก 8,000 นาย โดยผู้แทนจากกองทัพภาคใต้ 171 ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น Wa News Land ว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเกณฑ์ทหาร เราทำมาเป็นเวลานานแล้ว ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันภายในประเทศ เราต้องปกป้องภูมิภาคและรัฐของเราให้มากขึ้น เราจำเป็นต้องส่งทหารไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สำหรับเรา สิ่งสำคัญที่สุดเสมอมาคือการปกป้องภูมิภาค รัฐ และความเป็นอยู่ของประชาชน นั่นคือทั้งหมดสำหรับตอนนี้”
Wa News Land ยังรายงานด้วยว่า กฎหมายในเขตปกครองของว้า กำหนดให้สมาชิก 1 คน จากแต่ละครอบครัวต้องรับราชการทหาร โดยผู้หญิงต้องรับราชการเป็นเวลา 5 ปี ส่วนผู้ชายต้องรับราชการเป็น 9 ปี
ขณะที่ชาวไทใหญ่ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า สงครามที่เกิดขึ้นทางเหนือของรัฐฉานนั้น มีทหารว้าเข้าร่วมรบด้วยอย่างลับๆ และเชื่อว่า กองทัพว้าน่าจะสูญเสียกำลังพลในสงครามไปมาก จึงต้องเรียกเกณฑ์ทหารในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ยังรู้สึกกังวลว่า สงครามจะลุกลามมายังทางใต้ของรัฐฉาน
ทั้งนี้ในปี 2533 กองทัพว้าได้ขยายอาณาเขตลงมายังทางใต้ของรัฐฉาน รวมถึงในเมืองสาด ซึ่งมีชายแดนติดกับไทย โดยในพื้นที่นี้มีประชากรว้าราว 80,000 – 100,000 คนได้อพยพมาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ต่อมาในเขตปกครองของว้าทางใต้ของรัฐฉาน รู้จักกันในชื่อ เขตทหาร 171 คาดว่ามีกำลังพลว้าอยู่ในพื้นที่ราว 9,000 นาย อย่างไรก็ตามตามรัฐธรรมนูญปี 2008 ที่กองทัพพม่าร่างขึ้นยังไม่ได้ยอมรับเขตปกครองทางใต้รัฐฉานเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองตนเองว้าทางเหนือ
ขณะที่กองทัพว้าพยายามให้เขตพื้นที่ควบคุมทางใต้รวมกับเขตพื้นที่ควบคุมทางเหนือ และเรียกร้องก่อตั้งเป็นรัฐว้า (Wa State) ขึ้น ทั้งนี้กองทัพว้ามีกำลังพลราว 30,000 นาย ถือเป็นกองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธที่เข้มแข็งที่สุดในบรรดากลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในพม่า โดยกองทัพว้าปกครองในเขตปกครองพิเศษที่ 2 หรือเขตปกครองตนเองว้า กินพื้นที่ทั้งในภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ซึ่งมีชายแดนติดกับไทย
ด้านสำนักข่าว Ngao Leng Mun Mai ของไทใหญ่ รายงานว่า กองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA (Shan State Progress Party/ Shan State Army)ได้ออกคำสั่งเกณฑ์ทหารตำบลละ 50 คน โดยอ้างว่า ทหารที่ถูกเกณฑ์ในครั้งนี้จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามหมู่บ้านในพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ ซึ่งกองทัพรัฐฉานเหนือได้สั่งการให้มีเกณฑ์ทหารในเมืองกึ๋ง เมืองเกซี และจะดำเนินการเกณฑ์ทหารในเมืองลายค่าและเมืองป๋างโหลงในรอบต่อไป โดยทาง SSPP/SSA ยังสั่งการว่า ทหารภายใต้กองกำลังรักษารักษาชายแดน BGF ในพื้นที่ ก็จะต้องอยู่ภายใต้ของของกองทัพ SSPP/SSA ทั้งหมด
แหล่งข่าวรายงานว่า กองทัพ SSPP/SSA ได้ระบุกับประชาชนในเมืองล๊อกจอกว่า ห้ามหนีการเกณฑ์ทหารไปยังประเทศไทย และห้ามให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย หากชาวบ้านรายใดหนีการเกณฑ์ทหารก็จะถูกยึดทรัพย์สินเช่น ที่นา และห้ามย้ายออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางกลุ่มด้วยเช่นเดียวกัน
อีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า กองทัพพม่าได้ประกาศเกณฑ์พลเรือนทุกวัยเข้ารับใช้ชาติ หลังจากที่สูญเสียกำลังพลจากการทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มทั่วประเทศ โดยเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้จัดตั้งกลุ่มความมั่นคงและปราบปรามการก่อการร้าย และดึงชาวบ้านเข้ามาร่วมกับทางกลุ่ม โดยสำนักข่าว Than Lwin Times รายงานว่า กองทัพพม่าได้จับกุมเยาวชนในเขตมะโกย และส่งเยาวชนเหล่านั้นไปพื้นที่สู้รบโดยไม่ได้ให้การฝึกอบรมด้านทหารแก่เยาวชนเหล่านั้นแต่อย่างใด