Search

“ออง ลา” นักสู้คะฉิ่นผู้กลายเป็น ‘วีรบุรุษแห่งชาติ’  ปลุกความหวังสมานฉันท์ในเมียนมา

By Oh ra ra

การแข่งขันกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (Mixed Martial Arts:MMA) ของ ‘ออง ลา ’ อดีตแชมป์โลก ONE Championship รุ่นมิดเดิลเวตและรุ่นไลต์เฮฟวีเวต ปี 2017-2018 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 2024 คือนัดหยุดโลกสำหรับผู้คนจำนวนมากในเมียนมา เพราะเขาเป็นนักสู้เชื้อสายคะฉิ่นซึ่งอพยพไปสหรัฐอเมริกาก่อนจะกลายเป็นนักกีฬา MMA ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง เขาจึงเป็นดั่งความหวังของคนในเมียนมาที่กำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพ

ออง ลา จะสู้กับ ชามิล แอร์โดกัน นักกีฬา MMA ชาวตุรกี ณ สนามแข่งขันที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ ในเวลา 07:00 น. วันที่ 7 กันยายน 2024 ตามเวลาไทย และจะมีการถ่ายทอดสดทางสื่อโซเชียล ถือเป็นการแข่งขันครั้งสำคัญสำหรับออง ลา เพราะถ้าหากว่าเขาชนะคู่ต่อสู้ครั้งนี้ ก็จะมีสิทธิ์ไปท้าดวล อนาโตลี มาลีคิน ที่ครองตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวตอยู่ในปัจจุบัน

ช่วงที่ผ่านมา ออง ลา ในวัย 39 ปี ชนะมาแล้ว 4 ครั้งจากการแข่งขันทั้งหมด 5 ครั้งซึ่งจัดขึ้นหลังจากเขาเสียเข็มขัดแชมป์โลกไปในปี 2020-2021 ขณะที่คู่ต่อสู้อย่าง ชามิล แอร์โดกัน วัย 34 ปี ยังไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้งตลอดการแข่งขัน 9 นัดของเขาที่ผ่านมา

แฟนกีฬา MMA ที่ชื่นชอบ ออง ลา ตั้งฉายาเขาว่า ‘งูหลาม’ (The Burmese Python) เพราะก่อนหน้านี้เขาถนัดการต่อสู้แบบปล้ำจับล็อกในแนวราบ จนกระทั่งย้ายไปอยู่สโมสร Kill Club ในปี 2018 ก็เปลี่ยนแนวมาเป็นสไตล์ยืนต่อสู้ ส่วนชามิล แอร์โดกัน ก็เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ถนัดการปล้ำจับล็อกเช่นกัน นักวิเคราะห์จึงคาดเดาว่าการแข่งขันระหว่าง ออง ลา และชามิล แอร์โดกัน อาจใช้วิธีต่อสู้แบบปล้ำจับล็อกที่ทั้งคู่ถนัด และมีความเป็นไปได้ว่าออง ลา อาจจะชนะน็อก

ทั้งนี้ ออง ลา ได้รับความชื่นชมและความนิยมอย่างมากในเมียนมา ถึงขั้นที่แฟนกีฬาและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งเรียกขานเป็น ‘วีรบุรุษแห่งชาติ’ (National Hero) ถ้าออง ลา ได้รับชัยชนะในศึก ONE ครั้งนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งเรื่องดีๆ ที่จะช่วยเยียวยาความรู้สึกของผู้คนในเมียนมาซึ่งกำลังทุกข์ทนภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร การแข่งขัน ONE ในวันที่ 7 กันยาฯ จึงเป็นสิ่งที่คนในเมียนมาเฝ้ารอและให้ความสนใจ

‘วีรบุรุษแห่งชาติ’ อาจช่วยให้คนก้าวข้ามความขัดแย้งทางเชื้อชาติ

ออง ลา มีชื่อเต็มว่า ออง ลา หม่อง ซาน (แต่คนไทยอาจรู้จักเขาในฐานะ ออง ลา เอ็น ซาง – Aung La N Sang) เป็นชาวคะฉิ่นซึ่งเกิดในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น ทางเหนือของเมียนมา ก่อนจะย้ายไปสหรัฐฯ ในปี 2003 โดยเขาศึกษาร่ำเรียนจนจบระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์การเกษตรจากมหาวิทยาลัยแอนดรูว์ แต่ผันตัวไปแข่งขันกีฬา MMA มืออาชีพเมื่อปี 2005

ชีวิตนักกีฬา MMA ช่วงแรกของ ออง ลา เริ่มขึ้นในยุคที่เมียนมายังถูกปกครองภายใต้รัฐบาลทหาร ซึ่งมีการปิดกั้นและควบคุมสื่อต่างๆ ทำให้เขาไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเกิดของตัวเองมากนัก จนกระทั่งเขาร่วมแข่งขันในสนาม ONE Championship ในปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่เมียนมากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน และเริ่มเปิดประเทศ ทำให้ออง ลา เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นและได้รับความสนับสนุนจากแฟนๆ ทั่วเมียนมา

สื่อเมียนมารายงานว่าการแข่งขันที่เร้าใจและการต่อสู้แบบทุ่มเทของออง ลา อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ ผู้ชมการแข่งขันของเขาช่วงที่ผ่านมาเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย โดยผู้เสียชีวิต 5 ราย แบ่งเป็นผู้ชมในเมืองปูตาโอและเมืองตะไนง์ของรัฐคะฉิ่น 2 ราย ในเขตอิรวดี 1 ราย และย่างกุ้ง 2 ราย

แต่สิ่งที่ทำให้ ออง ลา เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากในเมียนมา ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นนักต่อสู้จากเมียนมาคนแรกที่คว้าตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวตและไลต์เฮฟวีเวตมาครองในปี 2017-2018 แต่เป็นเพราะเขาคือนักกีฬาผู้อ่อนน้อมถ่อมตน ขึ้นชื่อเรื่องการปฏิบัติต่อแฟนคลับและคู่ต่อสู้อย่างให้เกียรติ และมุ่งมั่นรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ชม อีกทั้งหลังการแข่งขันที่ดุเดือดเขามักจะพูดถึงความหวังเรื่องสันติภาพในเมียนมา ทำให้เขาเอาชนะใจแฟนกีฬาชาวเมียนมาได้เป็นจำนวนมาก

แม้กระทั่งสื่ออเมริกันอย่าง VICE ก็เคยรายงานว่าสถานะของ ออง ลา ในฐานะวีรบุรุษแห่งชาติ ไม่ใช่เรื่องเกินความจริง เพราะตอนที่เขาไปแข่งขันที่นครย่างกุ้งในปี 2016 แฟนกีฬาที่เรียกร้องให้เขาหยุดคุยทักทายแทบจะมาจากทุกกลุ่มประชากร ตั้งแต่คนขับรถโดยสารที่เป็นชาวมุสลิม เจ้าหน้าที่รัฐบาลชาวพม่า ประชาชนเชื้อชาติอื่นๆ ไปจนถึงชาวคะฉิ่นที่เห็นเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด

ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ออง ลา ได้รับความสนใจในเมียนมา เริ่มจากการแข่งขัน CFFC นัดแรกๆ ที่เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ และมีการชูธงคะฉิ่นบนเวทีหลังประกาศชัยชนะ เขาจึงถูกจับตามองและถูกพูดถึงทั้งในคะฉิ่นและพื้นที่อื่นๆ ทั่วเมียนมา จนกระทั่งได้ตำแหน่งแชมป์โลกมาครอง เขาก็ยิ่งได้รับความชื่นชมเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเขายังทำกิจกรรมพบปะประชาชนในเมียนมา ทั้งยังบริจาคเงินช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นในประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพรัฐบาลพม่ากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์อีกด้วย

ความนิยมในตัว ออง ลา มีมากถึงขั้นที่คนในรัฐคะฉิ่นส่วนใหญ่ผลักดันให้มีการสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ขณะที่เขาครองเข็มขัดแชมป์โลกไปตั้งไว้ ณ สนามกีฬาในเมืองมิตจีนาเมื่อปี 2018

ครั้งนั้น ออง ลา โพสต์ภาพรูปปั้นในเมืองมิตจีนาผ่านทางบัญชี Instagram ของตัวเองโดยระบุว่าเขาทั้งอึ้งและไม่เห็นด้วยกับเรื่องรูปปั้น เพราะการยกย่องเชิดชูจะกลายเป็นแรงกดดันอันหนักหน่วงต่อเขาเช่นกัน และคนที่ไม่ชอบเขาก็คงไม่พอใจนัก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักว่ารูปปั้นแชมป์โลกไม่ใช่ประเด็นเกี่ยวกับตัวเขาเพียงอย่างเดียว เพราะนี่คือสัญลักษณ์เตือนใจให้เด็กๆ ในรัฐคะฉิ่นและเด็กในที่อื่นๆ ทั่วเมียนมารู้ว่าพวกเขาเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าตั้งใจและทุ่มเทอย่างจริงจังกับสิ่งที่หวังไว้

ด้วยเหตุนี้ การกลับมาต่อสู้ในศึก ONE หลังจากซุ่มฝึกซ้อมนานนับปีของ ออง ลา จึงเปี่ยมด้วยความคาดหวังจากผู้คนในเมียนมาว่าพวกเขาคงมีโอกาสได้เห็นวีรบุรุษแห่งชาติคว้าเข็มขัดแชมป์กลับมาครองได้อีกครั้ง

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →