สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

Search

ช่างภาพดังค้านเมกะโปรเจค “สร้อยไข่มุขอ่าวไทย” ชี้ทำลายแหล่งวาฬบรูด้าที่สำคัญโลก เชื่ออีไอเอไม่ผ่าน กำนันเมืองแม่กลองหวั่นทำลายวิถีคนสามน้ำ-ค้านเต็มที่

เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567นายปริญญา ผดุงถิ่น ช่างภาพสัตว์ป่า และเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวดูวาฬบรูด้าเชิงอนุรักษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับโครงการถมทะเลในอ่าวไทย เพื่อสร้างเกาะ 9 แห่งตั้งแต่ จ.สมุทรสงครามจนถึง จ.ชลบุรี และสร้างถนนร้อยเป็นเหมือน “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” เพื่อแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่งว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีโครงการเมกกะโปรเจคบนพื้นที่อ่าวไทยตอนบนหรืออ่าวตัวกอ เนื่องจากเชื่อว่าโครงการนี้จะมีผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอ่าวไทย มากกว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก-บ้านกรูด โครงการสะพานข้ามอ่าวไทย โครงการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในอดีตประชาชนเคยออกมาคัดค้านอย่างกว้างขวาง โดยอ่าวตัวกอเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายของระบบนิเวศ รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อแหล่งอาศัยและหากินของวาฬบรูด้าที่เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย

“ปี 2544 ช่วงคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบ้านกรูดและบ่อนอก อีไอเอบอกว่าไม่มีวาฬบรูด้าในอ่าวไทย ทางชาวบ้านยืนยันว่ามีวาฬบรูด้า ทีมช่างภาพกรีนพีชจึงลงพื้นที่สามารถถ่ายภาพวาฬเพื่อยืนยันการมีอยู่ของวาฬ ต่อมาภาพวาฬเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญนำไปสู่การยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จากนั้นในปี 2553 มีการถ่ายภาพวาฬบรูด้าอยู่เป็นฝูงที่ทะเลบางตะบูน จ.เพชรบุรี และมีการถ่ายภาพเผยแพร่ทางสื่อ ทำให้สังคมรับรู้การมีอยู่ของวาฬ และยืนยันว่าอ่าวตัวกอเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของวาฬบรูด้า” นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวอีกว่า การนำดินถมเพื่อสร้างเกาะและถนนหรือประตูกั้นน้ำบริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน เท่ากับเป็นการทำลายบ้านของวาฬบรูด้า และทำลายกระแสน้ำดินตะกอนที่มีเหยื่อของวาฬ ซึ่งยังไม่นับรวมผลกระทบต่อวิถีประมงตลอดแนวอ่าวไทย เชื่อว่าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นนี้จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลเปิดแผนแนวคิดโครงการถมทะเลครั้งนี้ รวมทั้งโครงการก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น สะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองในรัฐบาลชุดนี้กำลังโหยหาเมกกะโปรเจค เพื่อแลกกับเม็ดเงินจากการทำโครงการและการทำอีไอเอ ที่จะมีเงินทอนมหาศาล จึงเป็นที่น่าจับตาว่าข้าราชการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ทำงานดูแลพื้นที่อ่าวตัวกอมาโดยตลอด จะมีจุดยืนเพื่อปกป้องอ่าวไทยหรือโอนอ่อนไปกับนักการเมือง

“อ่าวไทยตอนบนถือเป็นเมืองหลวงของวาฬบรูด้า เพราะตลอดชายฝั่งอ่าวตัวกอ ตั้งแต่เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ปากแม่น้ำบางปะกง มีฝูงวาฬบรูมากกว่า 60 ตัว เป็นแหล่งอาศัยของวาฬที่สำคัญที่สุดของโลก เพราะมีความพิเศษของระบบนิเวศ น้ำขุ่นเข้มจากดินตะกอนปากแม่น้ำ วาฬจะใช้หางปักบนดินเลนที่ระดับน้ำลึก 5-15 เมตร และอ้าปากกินเหยื่อที่ผิวน้ำ เคยเห็นวาฬยืนนานมากกว่า 1 นาที ไม่มีที่ไหนในโลกเหมือนอีกแล้ว ที่เราสามารถเห็นวาฬจำนวนมากและอยู่ดูใกล้ชิดแทบเอามือเขกหัววาฬได้ ซึ่งรัฐบาลสามารถพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ที่ยั่งยืน” นายปริญญา กล่าว

ทางด้านนายมนัส บุญพยุง กำนัน ต.บางสะแก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า หากมีการเดินหน้าโครงการถมทะเลสร้างเกาะในอ่าวตัวกอ และก่อสร้างถนนและกำแพงปิดกั้นทางน้ำเข้าออก จะส่งผลกระทบต่อระบบน้ำชายฝั่งของแม่กลอง ที่มีทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ที่สัมพันธ์กับน้ำขึ้นน้ำลงตามธรรมชาติ เท่ากับเป็นการทำลายวิถีชีวิตชายฝั่ง ทำให้ชีวิตของชาวบ้านจะเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร จากนั้นจะกระทบต่อพื้นที่เกษตรสามน้ำที่ทำสวนผลไม้ของเมืองแม่กลอง เนื่องจากการทำลายระบบน้ำและการปิดกั้นทางน้ำจะทำให้มีแต่น้ำจืดและน้ำเค็ม น้ำกร่อยจะหายไป แม่น้ำแม่กลองและคูคลองจะเน่าเสีย

“หากน้ำท่วมโลก วิถีของคนจะค่อยๆ ปรับตัวได้ แต่โครงการนี้จะทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนทันที แนวคิดถมทะเลของรัฐบาลทำให้เราเห็นว่า รัฐทำเพื่อรองรับอุตสาหกรรม เพราะไม่สามารถนำอุตสาหกรรมเข้ามาในลุ่มน้ำแม่กลองได้ ชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วย จึงใช้วิถีถมทะเลสร้างแผ่นดินขึ้นมาเอง เราพยายามปกป้องแม่น้ำแม่กลองไม่ให้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เข้าแม่กลอง เมื่อไม่ได้ก็พยายามปิดกั้นปากแม่น้ำทำลายนิเวศการเกษตร แล้วค่อยเอาโครงการรุกตามเข้ามา ถ้ารัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้จริง ชาวแม่กลองลุกขึ้นคัดค้านอย่างแน่นอน” นายมนัส กล่าว

On Key

Related Posts