เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ แม่น้ำสาละวิน บนพรมแดนไทยพม่า ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนท่วมถึงอาคารหอประชุมของอบต.และร้านค้าริมน้ำ ขณะนี้ถนนเลียบแม่น้ำไปยังบ้านท่าตาฝั่งไม่สามารถสัญจรได้ เช่นเดียวกับถนนที่ขึ้นไปดอยกลอเซโล กอมูเดอ แม่ตอละ และบ้านอื่นๆ เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมหลายจุด โดยเฉพาะที่ห้วยแม่ปัว โดยน้ำที่ขึ้นท่วมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากปริมาณฝนในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เป็นมวลน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำสาละวินตอนบน ในรัฐฉาน ประเทศพม่า ผ่านมายังรัฐคะเรนนี และเข้าสู่พรมแดนไทยพม่า
“ขณะนี้มีบ้านเรือนไม่ต่ำกว่า 20-30 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบ ถูกน้ำท่วม หลายครอบครัวเก็บของแทบไม่ทันเพราะครั้งนี้น้ำมาเร็วและขึ้นสูงมาก แม้พี่น้องที่ชายแดน ทางบ้านแพท่า ติดรัฐคะเรนนี จะส่งไลน์มาแจ้งแล้วแต่น้ำก็มาไวมาก ทางบ้านสบเมยขณะนี้ทราบว่าน้ำสาละวินท่วมถึงถนนที่ไปโรงเรียนบ้านสบเมย ทำให้แม่น้ำบริเวณดังกล่าวกว้างมากเหมือนทะเล
“ล่าสุดช่วงเย็นนี้ทราบจากชาวบ้านที่บ้านแพท่า แจ้งมาว่าน้ำตอนบนยังมีระดับน้ำขึ้นอยู่ตลอด จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด นายกอบต.แม่สาแลบ กล่าว
ในขณะที่ทางฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ในเขตอุทยานสันติภาพสาละวิน (Salween Peace Park) สถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในหุบลำห้วยอุเมท่า ริมลำน้ำสาละวิน ถูกน้ำท่วมหลากเข้ามาในลำห้วยอย่างรวดเร็วจนเสียหายหมดทุกอาคาร โดยเฉพาะหอผู้ป่วยในและห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ต่างต้องเอาเรือเข้ามาขนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเรือไว้อย่างทุลักทุเล
นายโพสะดา เจ้าหน้าที่บริหารสถานพยาบาลกล่าวว่าน้ำสาละวินไหลมาเร็วและแรงมาก คนไข้ที่รักษาตัวอยู่เกือบ 20 รายต้องพาหนีขึ้นไปกระท่อมไม้ไผ่ซึ่งเป็นหอพักเจ้าหน้าที่
“อุปกรณ์การแพทย์เสียหายเยอะมาก ทั้งเตียงผู้ป่วย เครื่องผลิตขาเทียม อุปกรณ์แพงๆ เฉพาะยาและเวชภัณฑ์ซึ่งเราชาวกะเหรี่ยงต้องหามาจากการบริจาค กว่าจะได้มาแต่ละอย่างเราหามาอย่างยากลำบาก โรงพยาบาลของเราไม่มีงบประมาณ เป็นการบริจาคด้วยความเห็นใจสำหรับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่สงคราม เสียหายครั้งนี้รู้สึกเสียใจ แต่ก็พยายามให้ทุกคนมีกำลังใจ เพราะโรงพยาบาลนี้สำคัญมาก” เจ้าหน้าที่กะเหรี่ยงกล่าว
ทั้งนี้สถานพยาบาลอุเมท่า ถือว่าเป็นสถานพยาบาลแห่งแรกริมแม่น้ำสาละวินในรัฐกะเหรี่ยง โดยใช้งบประมาณเป็นเงินบริจาคจากชาวกะเหรี่ยงจากพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางไปอยู่ในประเทศที่ 3 ที่ทราบปัญหาความยากลำบากของชาวบ้านลุ่มแม่น้ำสาละวินที่ได้รับผลกระทบจากการบุกโจมตีของกองทัพพม่า ทำให้มีทหารและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและต้องอพยพหนีตายมอาศัยอยู่ริมแม่น้ำสาละวินหลายพันคน และหลบอยู่ในป่าอีกนับหมื่นคน
มีรายงานว่าทางตอนเหนือของแม่น้ำสาละวิน ในรัฐฉาน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกสะสมสูงมาก ส่งผลให้ลำน้ำสาขาต่างๆ ของแม่น้ำสาละวินเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมาก อาทิ น้ำป๋าง น้ำเต็ง และเมืองต่างๆ ในรัฐฉานต่างประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก เช่น เมืองกึ๋ง ลางเคอ มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก รวมถึงในเขตเมืองปางซาง ของกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ด้วยเช่นเดียวกัน