สำนักข่าวชายขอบ
Transborder News

Search

สำรวจชุมชนริมกกพบขยะท่วม-ขนย้ายไม่ทันเริ่มส่งกลิ่นเหม็น เร่งทำงานกลางคืน นักวิชาการจี้ ซูเปอร์บอร์ด “คอส.-ศปช” สั่งการแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนเกาะลอย อ.เมือง จ.เชียงราย ภายหลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยชุมชนบริเวณนี้อยู่ติดกับแม่น้ำกกซึ่งนอกจากชุมชนเกาะลอยแล้วยังมีชุมชนเทอดพระเกียรติ ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนต่างได้รับความเสียงหายจากการที่น้ำในแม่น้ำกกล้นทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว แม้ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ แต่สภาพความเสียหายยังคงดำรงอยู่โดยเฉพาะปริมาณขยะจากบ้านเรือนที่ถูกนำมากองไว้ตามหน้าบ้าน และในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกก พบว่ามีปริมาณขยะจำนวนมากจนเต็มลานออกกำลังกาย และกำลังส่งกลิ่นเหม็นเนื่องจากเทศบาลนครเชียงราย ไม่สามารถทำงานได้ทัน เช่นเดียวกับโคลนที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเช่นกัน ขณะที่ชาวบ้านยังคงเร่งทำความสะอาดบ้านซึ่งมีโคลนที่มากับน้ำตกค้างอยู่จำนวนมาก

นางไพวัลย์ เดชผล สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย และชาวบ้านเกาะลอย กล่าวว่า ไม่มีใครคาดถึงว่าน้ำกกจะทะลักท่วมสูงชุมชนได้ขนาดนี้ เพราะเป็นน้ำป่าที่ไหลแรงและเร็วมาก แม้ทางเทศบาลได้ใช้รถประกาศเตือนล่วงหน้า แต่ก็ไม่มีใครคาดถึง แม้เมื่อ 30 ปีก่อนเคยมีน้ำท่วมใหญ่แต่ก็ไม่ใช่แบบนี้โดยครั้งนั้นเป็นน้ำใสๆท่วมแค่หน้าแข้ง

“ปัญหาหนักตอนนี้คือเร่องขยะ ที่ต้องรีบเร่งเก็บออกไป และปัญหาเรื่องโคลนที่ยังไม่สามารถล้างออกได้หมด แม้ที่ผ่านมาทางเทศบาลได้ใช้ระดมรถขยะถึง 80 คัน แต่ก็ยังทำงานไม่ทัน เพราะมีชุมชนที่ได้รับความเสียหายถึง 34 ชุมชน กว่า 1 หมื่นครอบครัว ตอนนี้เราไม่อยากได้ถุงยังชีพแล้ว แต่อยากได้รถมาช่วยเก็บขยะ และฉีนน้ำล้างโคลน”นางไพวัลย์ กล่าว

นายมู นอรัตน์ ประธานชุมชนเกาะลอย กล่าวว่า ชุมชนเกาะลอยมีบ้านเรือน 400 หลัง ทั้งหมดได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมหมดเลย สถานการณ์ตอนนี้คือต้องเร่งขนขยะออกไปให้เร็วที่สุด

นายสืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและอาสาสมัครช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ได้หารือกับนางไพวัลย์ว่า ในวันที่ 20 กันยายน อาสาสมัครฯจะร่วมกับเทศบาลขนย้ายขยะในเวลา 19.00-24.00 น.เพื่อต้องการเร่งขนย้ายขยะออกให้เร็วที่สุด เนื่องจากในตอนกลางวันการจราจรในบริเวณนี้ค่อนข้างคับคั่งทั้งจากผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือและชาวบ้านที่ต้องเร่งทำความสะอาด ดังนั้นการทำงานในช่วงเลิกงานจึงน่าจะทำได้สะดวกกว่า ซึ่งทางเทศบาลจะส่งรถแบคโฮ 1 คันและรถขนขยะ 3 คันมาร่วมขนย้าย

“จริงๆแล้วถ้ามีการระดมทรัพยากรจากจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมปฎิบัติการโดยมีการวางแผนที่ดีก็จะสามารถทำงานได้เร็วกว่านี้ เพียงแต่ต้องอาศัยคนที่มีศักยภาพในการสั่งการ เพราะไม่แน่ใจว่าลำพังอำนาจผู้ว่าฯจะทำได้หรือไม่ แต่หากคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.)และ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ที่ตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เป็นผู้สั่งการก็สามารถทำได้เลย”นายสืบสกุล กล่าว

On Key

Related Posts