เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวชายขอบ”ได้ล่องเรือลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากภัยพิบัติแม่น้ำกกหลากท่วมครั้งใหญ่ระหว่างเมื่อวันที่ 10-12 กันยายนที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวได้นั่งเรือตั้งแต่ท่าน้ำเชิงสะพานศาลากลางใหม่ ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย ถึงสะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง ต.ดอยฮาง อ.เมือง โดยพบว่า 2 ฟากแม่น้ำที่เป็นชุมชนต่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะแถวหมู่บ้านโป่งนาคำ และหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว ยังคงพบร่องรอยความเสียหายมากมาย บ้านหลายหลังพังและจมอยู่ริมตลิ่ง บ้านบางหลังพังลงทั้งหมด บางหลังเอียงลงแม่น้ำ บ้านชั้นเดียวบางหลังจมอยู่ในกองทราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายจุดริมฝั่งน้ำมีการนำเศษวัสดุมาทิ้ง เป็นแนวเพื่อกันน้ำซัด ขณะที่รีสอร์ทบางแห่งที่อยู่ตามโค้งน้ำ ถูกน้ำกกซัดกระหน่ำจนราบเป็นหน้ากลอง ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำกก 2 แห่งคือสะพานดอยฮาง และสะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง ถูกน้ำกกซัดจนขาดและมีท่อนไม้มาติดอยู่ที่เสาตอม่อสะพาน ซึ่งปัจจุบันสะพานทั้ง 2 แห่งก็ยังไม่สามารถใช้สัญจรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ไม่เพียงแต่บ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างเท่านั้นที่เสียหายยับเยิน แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งกอไผ่ขนาดใหญ่ จำนวนมากต่างถูกน้ำซัดล้มระเนระนาด และพัดมาติดค้างอยู่ตามชายฝั่งและตอม่อสะพาน นอกจากนี้ยังมีกองขยะจำนวนมาก ถูกนำมากองไว้ตามซอกซอยต่างๆริมแม่น้ำกก
นายจำรัส กำแพงคำ อดีตผู้ใหญ่บ้านป่าอ้อ หมู่ 5 ต.แม่ยาว สมาชิกชมรมคนขับเรือ CR เชียงราย กล่าวว่าตนเกิดอยู่ริมแม่น้ำกก และอยู่มาจนอายุ 60 ปีเศษแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นน้ำกกทะลักมาเยอะขนาดนี้ แม่น้ำสูงท่วมและไหลรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาถือว่าเป็นอุทภัยที่ครั้งที่ร้ายแรงมากที่สุด สร้างความเสียหายอย่างยับเยิน และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสายน้ำได้ชัดเจน จากที่ตนเคยวิ่งเรือไม่น้อยกว่า 30 ปีซึ่งมีเกาะทรายตลอดแนว แต่ตอนนี้เปลี่ยนแนวไปทั้งหมด ขณะที่ในอดีตมีเต็มไปด้วยป่า แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
นายจำรัสกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ เพื่อนที่เป็นคนขับเรือที่ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้แจ้งเตือนมาตั้งแต่เช้าว่าจะมีน้ำใหญ่มาถึง แต่ไม่คิดว่าวจะเป็นน้ำใหญ่ขนาดนี้ และมาไว้มาก แค่ตอนค่ำๆก็มาถึงแล้ว
“ผมอยากให้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกิดขึ้น เพราะจะช่วยลดความเสียหายได้เยอะ ควรมีการประสานกับชาวแม่ตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ตอนบนของแม่น้ำกก หากมีการแจ้งเตือนมาถึงเชียงรายรวดเร็วก็จะช่วยได้มาก”นายจำรัส กล่าว
นายจำรัสกล่าวว่า ขณะนี้รายได้ของคนขับเรือลดลงอย่างมาก ภายหลังจากภัยพิบัติ ก่อนหน้านี้มีคิวขับเรือออกเรือวันละ 2 รอบ แต่เดือนนี้ทั้งเดือนได้รับการว่าจ้างขับเรือเพียง 2 ครั้ง อยากให้ภาครัฐเข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวล่องเรือแม่น้ำกก ซึ่งจะช่วยให้ชมรมมีรายได้ดีขึ้น
“แม่น้ำกกมีความงามไม่แพ้แม่น้ำอื่น ไหลจากฝั่งพม่าเข้าเชียงใหม่ มาถึง จ.เชียงราย ผ่านแหล่งธรรมชาติและหมู่บ้านชาวเขาชาติพันธุ์ต่างๆ แต่ขณะนี้การท่องเที่ยวซบเซาต่อเนื่องตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 จำนวนผู้มาล่องเรือน้อยลงมาก แต่ก็ยังพอมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล่องจากท่าตอนลงมาเชียงราย แวะเที่ยวหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร”นายจำรัส กล่าว