
ภาพจาก The Irrawaddy
สำนักข่าว Irrawaddy ได้สัมภาษณ์นักวิเคราะห์การเมือง ซึ่งเป็นอดีตแปรพักตร์จากกองทัพพม่าไปอยู่กับฝ่ายต่อต้านว่า หากกองทัพพม่าต้องการยึดเมืองล่าเสี้ยวคืนจากกองกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า หรือกองทัพโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army- MNDAA) กองทัพพม่าจะต้องส่งอาวุธหนัก รวมทั้งรถถัง และทหารอย่างน้อย 10,000 นาย โดยจะต้องใช้ทางหลวงระหว่างเมืองหนองเขียว – จ๊อกเม – สี่ป้อ – ล่าเสี้ยว ซึ่งเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดและสั้นที่สุดในการเข้าถึงเมืองล่าเสี้ยว
อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์ในขณะนี้ คงเป็นไปยากที่กองทัพพม่าจะสามารถยึดคืนเมืองล่าเสี้ยว เนื่องจากกำลังกองทัพตั้ตมะก่อว์นั้น กำลังประสบกับปัญหาการขาดแคลนกำลังพล ท่ามกลางการรับศึกกับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านทั่วประเทศ
นอกจากนี้นักวิเคราะห์การเมืองคนเดิมยังกล่าวว่า การจะเข้าถึงเมืองล่าเสี้ยวได้เร็วที่สุด กองทัพพม่าจะต้องผ่านเข้าไปในเมืองหนองเขียว เมืองจ๊อกเมและเมืองสี่ป้อ ซึ่งแต่เมืองเหล่านี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (Ta’ang National Liberation Army -TNLA )และกลุ่มฝ่ายต่อต้านอีกหลายกลุ่ม สถานการณ์ของกองทัพพม่าขณะนี้ นอกจากจะไม่สามารถยึดคืนเมืองล่าเสี้ยวตามที่ประกาศได้แล้ว กองทัพพม่ากำลังจะสูญเสียหมู่บ้านตองคำ เขตเมืองสี่ป้อซึ่งเป็นหมู่บ้านเชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของรัฐฉานอีกด้วย
ทั้งนี้ฝ่ายต่อต้านกำลังรุกคืบยึดได้ 3 ใน 4 กองพันทหารพม่าที่ประจำอยู่ในพื้นที่แล้ว และสาเหตุที่กองทัพพม่าสูญเสียและพ่ายให้กับข้าศึกในภาคพื้นดิน ทำให้กองทัพพม่าตอบโต้กองทัพโกก้างด้วยการโจมตีทางอากาศรุนแรงตั้งแต่เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว กองทัพพม่าได้โจมตีในเมืองล่าเสี้ยวถึง 13 ครั้ง โดยเฉพาะตามเขตชุมชนที่ไม่ควรอยู่ในเป้าหมายโจมตี เช่น ตลาด โรงเรียน และเขตชุมชน ผลจากการโจมตีทางอากาศ ส่งผลให้มีประชาชนได้ต้องเสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 10 ราย
ชาวบ้านในเมืองล่าเสี้ยวรายหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าว Irrawaddy ว่า การโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางกองทัพโกก้างหรือแม้แต่รัฐบาลพลัดถิ่น NUG ไม่สามารถฟื้นฟูหรือบริหารเมืองล่าเสี้ยวได้ ชาวบ้านในพื้นที่ยังเชื่อว่า เหตุผลหลักๆในการโจมตีในเมืองล่าเสี้ยวก็เพื่อต้องการให้ประชาชนในพื้นที่หวาดกลัวและกองทัพพม่าไม่ต้องการเห็นใครอาศัยอยู่ในเมืองล่าเสี้ยว
ร.อ. สิ่นยอ อดีตทหารพม่าแปรพักตร์จากกองทัพพม่าเมื่อปี 2564 กล่าวว่า ในแง่ของทหาร การโจมตีทางอากาศไม่สามารถเรียกคืนดินแดนที่เสียไปได้
“การทิ้งระเบิดของรัฐบาลทหารไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าการทำลายล้างและการจงใจสังหารพลเรือน” ร.อ.สิ่นยอ กล่าวและว่า ‘ดูเหมือนทางกองทัพพม่ากำลังดำเนินการตามความเชื่อที่ว่า ถ้าเราเอาคืนไม่ได้ เราก็จะทำลายเมืองลาเสี้ยวทิ้งเสีย’
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวของไทใหญ่ได้รายงานว่า ในเมืองล่าเสี้ยวยังคงมีสายลับให้กับกองทัพพม่า เมื่อกองทัพพม่ารู้ความเคลื่อนไหวของทหารโกก้าง MNDAA ในพื้นที่ก็จะมาปฏิบัติการทิ้งระเบิดโดยทันที
สำนักข่าว SHAN ยังรายงานว่า การโจมตีทางอากาศ ไม่เฉพาะแต่ในเมืองล่าเสี้ยวเท่านั้น ยังมีการโจมตีในหลายเมืองทางเหนือของรัฐฉาน และการโจมตีทางอากาศกำลังส่งผลกระทบด้านจิตใจและสุขภาพจิตของคนในพื้นที่อย่างรุนแรง ประชาชาชนที่ยังเหลืออยู่ในเมืองล่าเสี้ยว ขณะนี้ต่างอยู่ด้วยความวิตกกังวล และไม่กล้านอนหลับในตอนกลางคืน เนื่องจากกองทัพพม่ามักเลือกเวลาตอนกลางคืนหรือเช้ามืดในการโจมตีเมืองล่าเสี้ยว และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะโจมตีในพื้นที่ไหน โดยประชาขนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารตามสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟสบุค อย่างใกล้ชิด