เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานอัยการอัยการเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี น.ส.เฉลิมศรี ประเสริฐศรี ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนพร้อมด้วยเยาวชนบบางกลอย 2 คน เข้าพบอัยการตามนัดหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทนายความได้รับแจ้งจากนิติกรว่าจะดำเนินการสั่งฟ้องคดีกับเยาวชนทั้ง 2 ราย จากกรณีจับกุมชาวบ้าน 28 ราย และเยาวชน 2 ราย ที่กลับไปยังชุมชนดั้งเดิมใจแผ่นดิน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อต้นปี 2664
น.ส.เฉลิมศรี กล่าวว่า หลังจากนำเยาวชนบางกลอย 2 คน ไปรายงานตัว มีข้อสรุปว่าทางอัยการจะเลื่อนการสั่งคดีนี้ออกไปอีก 1 เดือน โดยนัดหมายครั้งต่อไปในวันที่ 11 พ.ย. 67 ซึ่งการเลื่อนในครั้งนี้ทางอัยการระบุว่า จะเลื่อนเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาทางชาวบ้านได้ไปร้องเรียนต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด จนมีหนังสือร้องขอให้ชะลอคดี รวมถึงรัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการอิสระแก้ไขปัญหากะเหรี่ยงบางกลอย ทำให้อัยการชะลอและเลื่อนการสั่งคดีไปแล้ว 3 ครั้ง หากการนัดหมายวันที่ 11 พ.ย. ยังไม่มีความคืบหน้าต่อการแก้ไขปัญหานี้จากคณะรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการอิสระฯ บางกลอย ทางอัยการอาจจะมีคำสั่งฟ้องคดีโดยไม่มีการชะลอหรือเลื่อนอีกต่อไป
“หากการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านบางกลอยมีความคืบหน้า มีการหารือในคณะรัฐมนตรีแล้วมีมติออกมา ก็จะมีผลต่อคดีของชาวบ้าน ถ้าคดีของเยาวชนบางกลอย 2 คนนี้ถูกสั่งฟ้อง ก็จะมีผลกับคดีของผู้ใหญ่อีก 28 คน จะมีแนวโน้มถูกอัยการสั่งฟ้องเหมือนกัน เพราะเป็นมูลเหตุความผิดในเหตุการณ์เดียวกัน” น.ส.เฉลิมศรี กล่าว
ขณะเดียวกันตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มบางกลอยคืนถิ่นร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือพีมูฟ ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้ 1. ขอให้ยุติการดำเนินคดีต่อชาวบ้านบางกลอย เนื่องจากการขึ้นไปในพื้นที่เดิมเป็นไปตามข้อตกลงของหน่วยงานรัฐที่ไปนำชาวบ้านออกจากพื้นที่ว่าหากไม่สามารถอยู่ได้ข้างล่างก็สามารถกลับไปอยู่ที่เดิมได้ การกลับไปของชาวบ้านเป็นการกลับไปในที่เดิมที่เคยอยู่มาก่อนแล้ว อันเป็นการรับรองสิทธิในที่ดินของชาวบ้าน
2. หากยังไม่อาจจะยุติการดำเนินการได้ในทันที ขอให้มีการสั่งให้ชะลอการดำเนินคดีต่อชาวบ้าน โดยเฉพาะกรณีเร่งด่วนที่อัยการเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรีจะส่งฟ้องเยาวชนทั้ง 2 คนต่อศาลในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอของคณะกรรมการที่ได้มีการนำเสนอให้มีการทดลองการกลับไปอยู่ในพื้นที่เดิม และหากดำเนินการแล้วเป็นผลอย่างไรก็นำมาใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อนำเป็นเหตุในการสั่งยุติคดี เนื่องจากไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะในการดำเนินคดีกับชาวบ้านต่อไป
3. ขอให้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี และสำนักงานเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้ดำเนินการชะลอการดำเนินคดีออกไป เนื่องจากคดีมีอายุความถึง 10-20 ปี ดังนั้นการชะลอการดำเนินคดีไปก่อนเพื่อแก้ไขในทางรัฐศาสตร์และแก้ปัญหาให้เกิดความมั่นคงต่อการคุ้มครองชีวิตของชุมชนที่กลุ่มด้อยโอกาสในสังคมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ทางด้านพีมูฟยังคงปักหลักชุมนุมที่บริเวณประตู 4 หน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดยไม่มีกำหนดกลับ เพื่อเรียกร้องให้มีการเร่งแก้ไขปัญหาของชาวบ้านตามที่ได้ยื่นเสนอไว้ต่อรัฐบาล รวมถึงกรณีปัญหาของชาวบ้านบางกลอยด้วย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.