เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์คนไทยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ค้ามนุษย์ 2 รายภายหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชทางการไทยกลับคืนสู่ประเทศไทย โดย นางสาว ว. (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี จาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กล่าวว่า เริ่มต้นการถูกหลอกโดยการทักไปหาเพื่อนชื่อมานีซึ่งทำงานอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อหางานทำ
“เขาบอกว่าเขาทำงานเป็นแอดมินเว็บ ได้เงินเดือน 2-3 หมื่นบาท ทำหนังสือเดินทาง 1,050 บาท หนูบอกว่ามีแค่เงินนั่งรถไปหา เขาว่ามาได้ ขนาดเขาไม่มีพาสปอร์ตยังมาได้เลย หนูนั่งรถไปตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 67 ถึงหน้าด่านสระแก้วแล้วมีคนจากฝั่งปอยเปตขับรถเก๋งมารับหน้าสตาร์พลาซ่า” นางสาว ว. กล่าว เหยื่อค้ามนุษย์รายนี้กล่าวอีกว่า คนที่มารับพาเธอเข้าประเทศกัมพูชาโดยข้ามช่องทางธรรมชาติ
“มีคนมารอรับแล้วพาไปหาเพื่อนที่โซน 3 ถึงประมาณ 2-3 ทุ่ม ได้เจอเพื่อน เช้าวันต่อมาเขาส่งตัวหนูไปที่อื่น ไม่ได้ทำงานกับมานีเพราะตำแหน่งเต็มแล้ว เขาบอกอีกว่าทำงานเป็นสายดำ ใจหนูก็แป้วทันที งานสายดำไม่น่าจะดี” นางสาว ว. กล่าว
หลังจากนั้น นางสาว ว. ถูกพาตัวไปยังตลาดน้ำพุเพื่อทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ดูดเงิน โดยแรกเริ่มให้ฝึกพิมพ์เธอจึงแกล้งพิมพ์ไม่ได้ ประกอบกับที่เธอไม่มีประสบการณ์จึงถูกส่งตัวกลับมาที่โซน 3 อีกครั้ง ก่อนจะถูกส่งให้ไปทำงานที่ประตูแดง ปตท.
“เจอพี่คนไทยบอกว่าทำงานคอลเซ็นเตอร์ดูดเงิน ถ้าทำยอดไม่ได้โดนตี ไฟช็อต ห้องนี้มีคนตายมาแล้ว เลยบอกไปว่างานไม่ตรงกับที่คุยไว้ หนูถูกหลอกมา ด้วยความที่เขาสงสารหนู เขาก็เลยไม่รับหนูทำงานส่งตัวกลับมาที่โซน 3 อีกครั้ง” นางสาว ว. กล่าว
เมื่อกลับมาที่โซน 3ครั้งนี้ นางสาว ว. กล่าวว่า หัวหน้าของมานี บอกถ้าไม่อยากทำงานก็กลับบ้านแต่ต้องจ่ายเงิน 12,000 บาท ถ้าไม่มีเงินก็ต้องทำงาน วันรุ่งขึ้นเธอถูกส่งตัวไปชายแดนปอยเปต
“งานนี้ลักษณะฟิลแฟน คือสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อก่อนจะหลอกลงทุน วันต่อมามานีเพื่อนของหนูมารอรับบอกว่าบอสของมานีกับบอสตกลงกันไม่ได้ ไม่ยอมจ่ายค่าหัวให้บอสของมานี เลยมารับตัวหนูกลับไปที่โซน 3 อีกครั้ง”เหยื่อรายนี้กล่าวและว่า “เช้ารุ่งขึ้นมีคนบอกว่าให้ไปเรียนแพลตฟอร์มที่พนมเปญ 7 วัน แล้วค่อยกลับมาปอยเปต ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง พอไปถึงจึงรู้ว่าไปทำงานฟิลแฟนสัญญา 9 เดือน ถ้าไม่ทำอาจจะไปเจอที่ที่ร้ายกว่านี้ จึงตกลง วันแรกให้สร้างตัวตนก่อน วันที่สองให้จำสตอรี่ที่เราเขียน วันที่สามนัดสอบสร้างหน้าเฟซบุ๊ก แฟนหนูแกล้งไอเหมือนคนมีโรค เลยถูกส่งตัวไปอีกทีหนึ่ง ติดตม.เวียดนาม แฟนหนูขอลงไปซื้อน้ำพอหนูกับแฟนลงจากรถได้เลยตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าวิ่งหนีจากคาสิโนออกมา เมื่อถึงที่ตม. และมีคนให้ความช่วยเหลือ” นางสาว ว. กล่าว
ในที่สุด นางสาว ส.ก็ได้เจอกับตำรวจกัมพูชา และถูกส่งตัวกลับมายังสถานีตำรวจพนมเปญ อยู่ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึง 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา
“วันที่ 10 ตุลาคม ตัวแทนทางสถานทูตไทยเข้ามาหา ให้เซ็นกู้เงิน แต่หนูยังเซ็นไม่ได้เพราะเป็นเยาวชนอายุแค่ 17 ปี เขาแจ้งมาในไลน์กลุ่มว่าต้องเสียเงิน 100 ดอลล่าร์ เพราะมีค่าใช้จ่าย มีคนชื่อศราวุธค้ำให้หนู หนูเลยออกมาได้ จนถูกส่งมาที่ปอยเปตอีกครั้ง” นางสาว ว. กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเข้ากระบวนการคัดกรองของ ตม.ไทย นางสาว ว. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ให้เธอเล่ารายละเอียดแต่เขาไม่รับฟังเลย “หนูเล่าไปแค่ครึ่งเรื่องเขาก็บอกให้พอ เขาถามแค่ 3 ข้อแล้วก็ลุกหนี มีพี่คนหนึ่งที่เข้ามาคุยกับหนูว่าไม่ต้องห่วงแล้วนะ ค่าปรับจ่ายให้แล้ว หลังจากนั้นไม่มีใครถามอะไรอีกเลย” นางสาว ว. กล่าว
เหยื่อค้ามนุษย์รายนี้ กล่าวอีกว่า ทางพ่อแม่ของเธอรับทราบเรื่องเมื่อตอนที่เธอถูกช่วยเหลือมายังสถานีตำรวจพนมเปญแล้ว
“ที่หนูต้องหางานทำเพราะพ่อกับแม่หนูเป็นคนพิการ พ่อถูกตัดขาซ้าย ส่วนแม่เป็นอัมพาตครึ่งซีก พี่ชายมีครอบครัวไม่เคยดูแลพ่อแม่ พี่สาวเก็บของเก่าขาย คอยดูแลพ่อแม่ ตอนนั้นแม่หนูป่วยเป็นไข้นอนซม หนูเลยอยากมีเงินส่งมาช่วยพี่สาวด้วยอีกคนเพื่อจะได้พาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาล ตอนนี้มีพี่สาวที่รับภาระคนเดียว หนูเลยตัดสินใจทักไปหาเพื่อนเผื่อจะได้งานทำ” นางสาว ว. กล่าว
ในขณะที่เหยื่ออีกรายหนึ่งคือ นาย พ.(นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ถูกหลอกไปทำงานปอยเปตที่ได้รับความช่วยเหลือส่งกลับไทยสำเร็จ กล่าวว่า ได้เข้าไปดูจากเพจหางานใน จ.ปทุมธานี รับสมัครคนยกตู้สล็อต 3 วันค่าแรง 15,000 บาท
“เมื่อตกลงกันแล้วเขาส่งแท็กซี่มารับภายใน 1 ชั่วโมง ไปที่ปอยเปต นั่งรถตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปถึงประมาณตี 3 ผมจำชื่อคาสิโนได้คือ คาสิโน โกลเด้น ฟิวเจอร์ พอไปถึงก็ยกตู้สล็อตจริงไม่กี่นาทีก็ให้พัก เช้ามาจะลงไปยกอีก เขาบอกว่าไม่ต้องยกแล้วให้มาเซ็นสัญญาทำงาน 9 เดือน ผมปฏิเสธไม่เซ็นเนื่องจากหลอกให้คนมาทำกิจกรรมโดยการโอนเงิน เริ่มต้น 199 บาท จนถึงหลักล้านบาท เมื่อหลอกให้โอนไปเรื่อยๆ ลูกค้าด่าเขาก็จะบล็อคเลย ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะมาทำงานแบบนี้ ผมจะมาทำงานยกของ” นาย พ. กล่าว
หลังจากปฏิเสธการทำงาน ทางคาสิโนเสนอให้จ่ายค่าตัวเพื่อกลับบ้านเป็นเงิน 18,000 บาท ก่อนจะถูกขู่ว่าใครบอกให้ทำงานอะไรไม่เกี่ยวกับเขา แต่ต้องคืนค่ารถให้เขา จึงถูกกักตัว
“เมื่อเห็นผมไม่ยอมเขาเลยถ่ายรูปผม เหมือนถ่ายรูปนักโทษ ถ่ายด้านหน้าและด้านข้าง ยึดกระเป๋าให้ผมเดินออกไปห้ามหันหน้าถ่ายวิดีโอ จึงปล่อย 4 ทุ่มครึ่ง ที่ออกมาได้เพราะ รปภ. พูดไทยได้เขาขี่มอเตอร์ไซค์พาไปหาตำรวจ หลังจากนั้นตำรวจให้ขึ้นแท็กซี่ไปสถานทูตพนมเปญ เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ไปถึง รปภ.ให้ผมกินข้าว ระหว่างกินข้าว รปภ.เอาโทรศัพท์มาให้ดูมีรูปที่ผมถ่ายตอนออกจากคาสิโนเขียนภาษาไทยว่า ผู้ชายไทยคนนี้โจรกรรมทรัพย์สินของจีนเทา ตอนนี้จีนเทากำลังไล่ล่า ผมก็งงว่าทำไมรปภ.มีไลน์ของคนจีน ทำให้ผมกลัว เลยนั่งอยู่หน้ากล้องตลอดทั้งคืนไม่กล้านอน” นาย พ.กล่าว
วันรุ่งขึ้น 14 ตุลาคม เป็นวันหยุดมีเจ้าหน้าที่สถานทูตมาหา เปิดโรงแรมให้นอน 1 คืน จนบ่าย 2 โมงวันที่ 15 ตุลาคม มารับไปจุดพักพิงที่ ตม.พนมเปญ อยู่ 2 คืน ก่อนถูกส่งมาที่ ตม.ไทย
“ระหว่างที่ผมถูกขัง ผมพยายามส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รายการโหนกระแส มีจังหวะที่ข้อความเด้งขึ้นมาเป็นตราโล่ห์ น้องผู้ชายคนที่คุมตัวผมเป็นคนไทย เขาเห็นผมส่งพิกัดและขอความช่วยเหลือไป เขาเลยลบให้เพราะถ้าคนในคาสิโนเห็นผมอาจไม่ปลอดภัย ที่ที่ผมอยู่ตรงนั้นยังมีผู้หญิงอีกคนงตั้งท้องได้ 2 เดือน บอกว่าถูกหลอกมา 2 เดือนแล้วอยากกลับไทย บางทีเขาไม่ได้ยอด เริ่มแพ้ท้อง ทางบ่อนก็ขังเค้า อยากให้ช่วยเหลือออกมา” นาย พ. กล่าว
ด้านผู้ประสานงานเครือข่ายช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ภาคประชาชน กล่าวว่า จุดใหญ่ๆ ของแหล่งอาชญากรรมที่หลอกลวงเหยื่อเหล่านี้ยังอยู่ที่เมืองปอยเปต สีหนุวิลล์ และเมืองกันดาน ซึ่งอยู่ชายแดนกัมพูชาติดเวียดนาม จุดนี้มาแรงและยังมีการขอความช่วยเหลือจากคนไทยอย่างต่อเนื่องโดยตอนนี้มีการขอความช่วยเหลือ 10 คน โดยช่วยออกมาได้แล้ว 5 คนแต่ยังไม่ได้กลับมาถึงไทย ส่วนอีก 5 คนยังติดอยู่ในตึกของแหล่งอาชญากรรม
เขากล่าวว่า การลักลอบพาเหยื่อข้ามไปฝั่งกัมพูชา ยังคงเป็นเส้นทางเดิมๆ ซึ่งฝ่ายปกครองและความมั่นคงก็ต่างก็รู้ดีเพราะบริเวณนั้นมีด่านทหาร ที่สำคัญคือการประชาสัมพันธ์ของไทยก็ยังเข้าไม่ถึงวัยรุ่นเพื่อให้ตระหนักรู้
“ตอนนี้กลุ่มเป้าหมายของแก็งค์อาชญากรรมพุ่งเป้าไปที่เยาวชน อายุ 17-18-19 ปี ที่ถูกหลอกมากขึ้นเพราะเยาชนวันนี้เก่งเทคโนโลยีและหลอกง่าย เอาเงินมาล่อ เยาวชนเหล่านี้ไม่รู้ว่าโลกภายนอกน่ากลัวอย่างไร สังเกตได้ว่าคนในวัย 30-40 ปีแทบไม่มีแล้ว” เขากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีของไทยหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรื่องการปราบปราบขบวนการคอลเซ็นเตอร์ สถานการณ์ไม่ดีขึ้นบ้างหรือ เขากล่าวว่า ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะไม่มีความจริงใจ และเจ้าหน้าที่รัฐก็ยังรับสินบนเหมือนเดิม หากรัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาให้ได้ผลต้องดำเนินการเช่นเดียวกับทางการจีน คือคุยกับทางการกัมพูชา โดยจีนได้นำทหารไปล้อมตึกและจับคนจีนทุกคนออกมา ไม่ใช่แค่ตามรายชื่อ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทุกตึกในแหล่งอาชญากรรมที่เหยื่อไปติดอยู่ต้องใช้เวลาในการของความช่วยเหลือ ถ้าภาครัฐเอาจริงจังก็ช่วยได้ เพราะมีทุกพิกัดอยู่แล้ว แต่ต้องส่งคนเข้าช่วยทันที เพราะเขามักรู้ตัวล่วงหน้าและมักเอาเหยื่อหนีไป
“ตอนนี้การประสานงานของทั้งสองฝ่ายยังเป็นศูนย์ ถ้าจะประสานความร่วมมือเหมือนจีน และส่งเครื่องบินของเขามารับเลย ก็ยังพอมีหวังแก้ไขปัญหาได้ ตำรวจไทยเองก็รู้พิกัดของแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้หมดแล้ว ในกระบวนการคัดแยกเหยื่อก็ได้มีการให้ปากคำไว้หมด แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ แม้แต่เหยื่อจะไปแจ้งความยังทำได้ยากเลย ก็จะลดความเสียหาย” แหล่งข่าวกล่าว