สำนักข่าว DVB รายงานเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตสะกาย ประเทศพม่ายังคงดำเนินต่อไป โดยนับตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ กองทัพพม่าได้สังหารชาวบ้านในหลายหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมือง ‘บู่ตะลิง’ จำนวนกว่า 20 ราย ซึ่งเมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองมงยวา เมืองหลวงของเขตสะกายไป 37 กิโลกรัม โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่รายงานว่า มีชาวบ้าน 6 รายถูกสังหารเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ซึ่งชาวบ้าน 3 ราย ถูกเผา ถูกตัดหัว โดยหั่นศพเป็นชิ้นและเสียบประจานในหมู่บ้าน
‘พวกเขาเผาบ้านและฆ่าผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้าน เนื่องจากผู้สูงอายุเหล่าไม่สามารถหลบหนีได้’ ชาวบ้านจากหมู่บ้าน ‘สิปะ’ เปิดเผยกับสื่อ DVB โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เหยื่อ 2 รายที่ถูกสังหารเป็นใคร โดยในหมู่บ้าน สิปะ นั้นมีชาวบ้านถูกสังหารจำนวน 6 ราย
ขณะที่สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า มีชาวบ้านที่หมู่บ้าน ‘เม้าก์กี่’ที่มีชาวบ้านจำนวน 7 ราย และชาวบ้านอีก 2 ราย ที่หมู่’บ้านตะหย่อ ตอว์’ และที่หมู่บ้าน’ส่ายบิ่นเล’ถูกสังหารด้วย
ทั้งนี้ระหว่างที่กองทัพพม่าเข้ามาโจมตีในเมืองบูตะลิง มีชาวบ้านมากกว่า 50 คน ถูกทหารพม่าจับกุมตัวไว้ ในจำนวนผู้ที่ถูกจับมีทั้งผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย โดยสำนักข่าว Irrawaddy อ้างว่า กองทัพพม่าจะใช้ชาวบ้านเหล่านี้เป็นโล่มนุษย์ และระหว่างที่ทหารพม่าเข้าโจมตีเมือง บู่ตะลิง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีบ้านเรือนของชาวบ้านถูกเผาทำลายเสียหายกว่า 380 หลังคาเรือน
ด้านกองทัพเพื่อประชาชน (PDF) ในพื้นที่ระบุว่า ระหว่างปะทะกับทหารพม่าใกล้หมู่บ้าน ‘สิปะ’ ในเมืองบูตะลิง สามารถสังหารทหารพม่าเสียชีวิตได้ 31 นาย และจับกุมได้อีก 40 นาย เหตุปะทะกันครั้งนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และส่งผลให้ชาวบ้านราว 5,000 คน ต้องลี้ภัยสงคราม อย่างไรก็ตาม ภาพการสังหารโหดชาวบ้านในหมู่บ้านสิปะ ถูกเผยแพร่ไปสู่โซเชียลอย่าง Facebook และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
Joe Pauk ผู้นำกองทัพเพื่อประชนในเมืองบูตะลิงกล่าวถึงการสังหารพลเรือนว่า เป็นการกระทำที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม โดยชาวบ้านในหมู่บ้านไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อกองทัพพม่า “พวกเขาไม่มีแม้แต่เข็มอยู่ในมือ (เพื่อใช้เป็นอาวุธไว้ป้องกันตัวเอง)” กองทัพพม่าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขากระทำต่อคนบริสุทธิ์เหล่านี้
ทั้งนี้ เขตสะกายเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปะทะกันอย่างหนักระหว่างกองทัพพม่าและฝ่ายต่อต้าน และเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเขตสะกาย
ด้านนักวิเคราะห์การเมืองในพม่าวิเคราะห์ว่า กองทัพพม่าถูกสอนให้เชื่อว่าการก่ออาชญากรรมสงครามจะทำให้ศัตรูและประชาชนส่วนใหญ่หวาดกลัว และนั่นจะทำให้พวกเขาไม่สนับสนุนกองกำลังต่อต้าน“ข้อความที่พวกเขา (กองทัพพม่า)ต้องการสื่อนั้นชัดเจน นั่นคือ ความกลัว” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ‘วิธีการนี้ไม่มีประสิทธิภาพ และจะทำให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพพม่ามากขึ้นเท่านั้น ความกล้าที่เพิ่มมากขึ้นของกองทัพพม่าในการกระทำอันโหดร้ายเป็นผลมาจากความล้มเหลวของสหประชาชาติและประชาคมโลกในการใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อกองทัพพม่า