Search

EU ออกมาตรการลงโทษ ‘ซอว์ ชิต ตู่’ ผู้นำ BGFและสมุน เหตุสนับสนุน SAC-ได้ประโยชน์จากแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (The Council of the European Union) อนุมัติมาตรการลงโทษบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่าเพิ่มเติม 4 ราย หลังพบเบาะแสบ่งชี้ว่าผู้ถูกระบุชื่อในมาตรการลงโทษทั้งหมดได้รับประโยชน์จากขบวนการข้ามชาติผิดกฎหมายบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่เกี่ยวพันการหลอกลวงเงินและละเมิดสิทธิมนุษยชนคนจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก

ผู้ที่ถูกคณะมนตรีแห่ง EU ออกมาตรการลงโทษระลอกล่าสุด ได้แก่ พ.อ. ซอว์ ชิต ตู่ (Saw Chit Thu) ผู้นำคนปัจจุบันของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force หรือ Karen BGF ) ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา และพ.ท. โมเต ตุน (Mote Thun) ผู้ร่วมก่อตั้ง BGF และดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ BGF ปัจจุบัน ตามด้วย พ.ต. ติน วิน (Tin Win) นายทหารคนสนิทของพ.อ.ซอว์ ชิต ตู่ และเครือบริษัท ซีแอลเอ็ม (CLM Group) หรือ Chit Linn Myaing Group ซึ่งพ.อ.ซอว์ ชิต ตู่ เป็นผู้ก่อตั้งและเคยดำรงตำแหน่งประธานบริหารมาก่อน

เนื้อหาในแถลงการณ์ของคณะมนตรีแห่ง EU ระบุว่าบุคคลและนิติบุคคลทั้งหมดที่กล่าวมา ให้ความสนับสนุนแก่สภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) หรือรัฐบาลทหารพม่าที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน และเป็นผู้ก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์ความรุนแรงทั่วเมียนมาที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากขบวนการอาชญากรข้ามชาติซึ่งอาศัยพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาเป็นแหล่งก่อเหตุอีกด้วย

แถลงการณ์ของ EU ระบุว่าบริษัท CLM ได้รับผลประโยชน์จำนวนมากจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในเมืองเมียวดี ซึ่งมีชายแดนติดกับไทย รวมถึงเมืองชเวโก๊กโก่ และโครงการ KK Park ในเมียวดี ซึ่งเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ใช้เป็นพื้นที่ก่อเหตุผิดกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกงและหลอกลวงเงินเหยื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการค้ายาเสพติด

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ EU ยังระบุด้วยว่าเครือบริษัท CLM ใกล้ชิดกับกองทัพของรัฐบาลทหารพม่าหรือ Tatmadaw เช่น เป็นผู้แจ้งเบาะแสระบุตัวตนว่ากลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารพม่ามีใครบ้าง ทั้งยังช่วยกองทัพพม่าบีบบังคับคนในพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบให้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเพื่อช่วยกองทัพพม่าสู้กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน และ EU ยังมีบทลงโทษเพิ่มเติมแก่ผู้เกี่ยวข้องกับบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 4 รายที่กล่าวมา ซึ่งกลุ่มหลังนี้ไม่ได้ถูกระบุรายชื่อชัดเจนในแถลงการณ์ แต่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเป็นบุคคล 106 ราย และนิติบุคคล 22 ราย

ผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในมาตรการลงโทษทั้งหมดจะถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศ EU และหากตรวจพบว่าบุคคลหรือนิติบุคคลเหล่านี้มีบัญชีธนาคารหรือมีทรัพย์สินใดๆ อยู่ในประเทศ EU ก็จะถูกอายัดหรือระงับการเคลื่อนไหวบัญชีต่างๆ ทันที เช่นเดียวกับผู้ที่เป็นครอบครัวหรือมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลและนิติบุคคลเหล่านี้ก็จะถูกขึ้นบัญชีในมาตรการลงโทษของ EU เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม 2024 คณะผู้แทน EU ประจำสำนักงานใหญ่แห่งสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาและสมาชิกสหประชาชาติอื่นๆ รวมทั้งหมด 37 ประเทศ เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ายุติการใช้ความรุนแรงก่อเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมามาก่อนแล้ว เพื่อเปิดทางให้องค์กรด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปในประเทศและช่วยเหลือประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบและความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมา

ส่วนมาตรการลงโทษครั้งล่าสุดนี้เป็นการขยายผลจากบทลงโทษรัฐบาลทหารพม่า SAC ซึ่งถูก EU ลดระดับความสัมพันธ์และถูกตัดสิทธิ์ในการขอรับความสนับสนุนหรือทุนช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและการเงินจาก EU นับตั้งแต่ SAC ก่อเหตุรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2021 เป็นต้นมา

On Key

Related Posts

หวั่นหายนะแม่น้ำปนเปื้อน ชาวแม่สายร่วมกันสะท้อนข้อเท็จจริง-เผยชาวบ้านเครียดหนักจนต้องพึ่งจิตเวช-หลายฝ่ายร่วมหาทางออก ชาวบ้านยื่นหนังสือ AICHR ยกระดับปัญหา รอง ผวจ.เผยทางการพม่าตรวจสารโลหะหนักแล้วแต่ใช้คนละมาตรฐาน “ประเสริฐ”เตรียมนำคณะเจรจาเนปิดอว์ 4-8 สค.

หวั่นความมั่นคงด้านสุขภาพ รพ.ชายแดน จ.ตากเร่งรับมือช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิง “หมอตุ่ย”หนักใจเรื่องโภชนาการหลังสิ้นเดือนถูกตัดงบค่าอาหาร-แนะ สธ.เป็นเจ้าภาพตั้งกองทุน-ชี้เชื้อโรคไม่รู้จักเส้นแบ่งแดน “ภูมิธรรม”เผยกำลังติดตามดู