เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหลายหน่วยงาน เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์มากกว่า 110 คน ที่ถูกมาเฟียจีนหลอกลวงบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ติดกับชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีประเทศไทยเป็นทางผ่าน ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์เหล่านี้เร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ฝั่งพม่าแล้วจะทำให้การเข้าถึงข้ามประเทศเป็นไปโดยยากมาก

นายกัณวีร์กล่าวว่า เมืองเมียวดีเป็นประตูเชื่อมระหว่างประเทศพม่ากับไทยโดยตรง ขณะที่ไทยได้เป็นสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียบร้อยแล้ว และได้ให้คำมั่นว่าจะอยู่ใน tier 2 ในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐให้ได้ นี่คือเรื่องชื่อเสียงของประเทศชาติ ขณะที่มุมมองเรื่องด้านสิทธิมนุษยชน เรามีกลไกภายในประเทศแล้ว ทั้งกลไกการส่งต่อระดับประเทศ (NRM) ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดูแล ซึ่งได้มีการสอบถามระหว่างการพิจารณา พรบ.งบประมาณปี 2568 ว่ามีแผนบูรณาการกันอย่างไร ทั้งแผนป้องกัน การปราบรามการค้ามนุษย์ การเยียวยา การคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ โดยรัฐบาลตอบชัดเจนว่ามีความพร้อมในการคุ้มครองเหยื่อ ดังนั้นเราจึงอยากเห็นแผนเป็นชิ้นเป็นอัน

“ผู้บริหารของ พม. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงของ NRM มีกฎหมายรองรับ ในกรณีนี้ที่เหยื่อมาจากหลายประเทศ ก็ต้องประสานประเทศต้นทาง สถานเอกอักคราชทูตประจำประเทศไทย ต้องคุยเรื่องความร่วมมือด้วย และรัฐบาลไทยต้องใช้กลไกต่างๆ ในการดูแลเรื่องนี้” สส.พรรคเป็นธรรม กล่าว

นายกัณวีร์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางการจีนได้แสดงความกังวลเรื่องธุรกิจเทาดำในบริเวณเมืองเมียวดี และได้ปฎิบัติการร่วมกัน 3 ฝ่ายคือทางการพม่า ไทยและจีนเพื่อปราบปราม ดังนั้นเราต้องทำอย่างต่อเนื่องที่จะทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย ขณะเดียวกัน หากเหยื่อติดอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ เราจะทำอย่างไรและรัฐบาลไทยมีแผนหรือยังในการทำงานกับฝ่ายต่อต้าน SAC  ที่สำคัญเราต้องเอาเหยื่อออกมาให้ได้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการเสนอแนะและวิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยที่เชื่อมโยงกับไทยมานาน แต่ทำไมปัจจุบันสถานการณ์กลับรุนแรงขึ้น นายกัณวีร์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์ในพม่าต้องการควบคุมฝ่ายต่อต้าน และรัฐบาลไทยยังไม่กล้าประสานงานกับฝ่ายต่อต้านอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลไทยยังรู้สึกว่าไม่อยากทำงานร่วมกับกลุ่มต่อต้านเหล่านี้เนื่องจากไม่มั่นใจที่จะออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย safe zone ของตน โดยคิดว่าทำงานแค่กับจีนเพียงอย่างเดียว

“เราเห็นชัดในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือ 2 ครั้ง ครั้งแรกที่แม่สอด ทำงานผ่านกาชาดพม่า แต่กลับผิดหลักมนุษยธรรม เพราะคุณดันไปให้การช่วยเหลือผ่านกาชาดพม่าได้อย่างไร เพราะอยู่ภายใต้รัฐบาลทหารพม่า พอครั้งที่ 2 ก็ยังไปประสานงานกับอาเซียน ไปทำงานกับ AHA Centre (The ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management) ซึ่งไม่มีความถนัดในตรงนี้ และไปตกหลุมพรางของทหารพม่า จะประสานงาน ความช่วยเหลือต่างๆ ก็ไปตกในมือทหารพม่าอย่างเดิม ทำไมจึงไปตกหล่ม รัฐบาลไทยอาจไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้”นายกัณวีร์กล่าว

สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวว่า เมื่อธุรกิจสีดำเทาอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มต่อต้าน ยิ่งทำให้การแก้ปัญหายากไปกันใหญ่เพราะรัฐบาลไทยไม่ยอมคุยกับกลุ่มต่อต้านเพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเหมือนกัน ตนยังเชื่อว่ารัฐบาลไทยมีอัตตาสูง จึงไม่อยากไปติดต่อกับฝ่ายต่อต้าน ดังนั้นจึงยิ่งทำให้ธุรกิจจีนเทาดำยิ่งเอาใหญ่ ทั้งชเวก๊กโก่  KK Park และพื้นที่ด้านใน

“การเปิดให้ฟรีวีซ่าคนจีน ตอนนี้จะเห็นว่าคนจีนที่มาไทยนั้นหายไปจำนวนมาก เพราะเขาเอาเงินไปลงที่คาสิโน เป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจจีนเทาดำใช้โอกาสนี้ แต่เราติดภาพใหญ่ จริงๆแล้วมีการดูช่องทางการเงินที่ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปตรวจสอบได้ เพราะ 5 มาเฟียใหญ่จีนที่ฟอกเงิน โดยเฉพาะตู้ ห่าว เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตอนนี้คนจีนข้ามชายแดนได้โดยไม่ต้องยี่หระ เขาเดินทางไป อ.แม่สอด แล้วก็ข้ามท่าเรือแม่น้ำเมยไปได้เลย โดยที่ไทยทำอะไรไม่ได้ เขาสามารถไปนอนอีกฝั่งได้อย่างสะดวก”นายกัณวีร์ กล่าว

ด้านเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ชาวบังคลาเทศ ซึ่งใช้นามสมมุติว่านายอารยัน (นามแฝง)ซึ่งได้รับความช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากแหล่งอาชญากรรมของกลุ่มมาเฟียจีนเทาบริเวณริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งของไทย แม้จะอยากกลับบ้านเกิด แต่อีกใจหนึ่งก็ยังห่วงเพื่อนที่รู้จักกัน ขณะพวกเขาถูกหลอกให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์อยู่ในแหล่งอาชญากรรมฝั่งพม่า

นายอารยันกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ในประเทศไทยเพื่อให้ข้อมูลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่การช่วยเหลือเหยื่อที่ยังติดอยู่ รวมถึงกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติให้หมดไป โดยชะตากรรมที่พวกตนต้องเจอเป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้

“ผมเนื้อตัวของผมเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลที่ถูกไฟฟ้าช็อตและถูกทุบตี ผมอยากฝากคำขอร้องผ่านสื่อมวลชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ เพื่อส่งไปยังหน่วยงานไทยและผู้นำรัฐบาลไทยให้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากเครือข่ายอาชญากรรมที่แอบอ้างประเทศไทยในการก่อเหตุเหล่านี้ ได้โปรดช่วยพวกเราทุกคนด้วย ทุกคนที่มาไม่มีใครรู้ว่าจะเจอเรื่องแบบนี้”เหยื่อชาวบังคลาเทศกล่าว

เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์กล่าวว่า นายหน้าจัดหางานบอกตนว่ามีงานในประเทศไทย พวกตนก็เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่ดี ถึงได้มาที่นี่ โดยไม่รู้เลยว่าเขาจะส่งไปเมียนมา จึงอยากขอร้องให้ช่วยทุกคนด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนชาติเดียวกับตนหรือคนชาติอื่นก็ตาม

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.