เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นายอาฟาด (นามสมมุติ) ชาวมาเลเซีย เกือบตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ภายหลังถูกเพื่อนชวนมาเที่ยวไทย แต่ถูกหลอกให้ไปเจอกับเครือข่ายแก๊งค้ามนุษย์ซึ่งเตรียมพาข้ามแดนด้าน อ.พบพระ จ.ตากของไทยไปยังแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดี แต่นายอาฟาด ไหวตัวทันจึงตัดสินใจต่อสู้ขัดขืนระหว่างจะขึ้นเรือข้ามฟากแม่น้ำเมยและหลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทยได้สำเร็จ

นายอาฟาดเล่าว่า เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อพบเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ แต่เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ และโทรหาเพื่อนคนดังกล่าว ได้รับแจ้งว่าเพื่อนไม่สามารถมารับได้ และเพื่อนได้ส่งคนขับรถส่วนตัวมารับแทน เขาจึงตามคนขับไป แต่ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงก็ยังไม่ถึงปลายทางเสียที เขาตัดสินใจโทรหาเพื่อนอีกครั้ง เพื่อนยังคงยืนยันให้เขาตามคนขับรถไป

“จนกระทั่งเวลาประมาณ 03:00 น. วันนี้ (วันที่ 2 พฤศจิกายน) คนขับรถได้พาผมเข้าไปสู่เขตป่า และเจอผู้ชาย 6 คนและผู้หญิงอีก 4 คนรออยู่ในรถที่จอดอยู่ในป่า หลังจากนั้นมีคนบอกให้ผมเดินตามไปก็จะได้พบเพื่อน แต่พอเช็กโลเคชั่นผ่านกูเกิลแมปในโทรศัพท์ ผมก็รู้ว่าฝั่งข้างหน้าคือประเทศเมียนมา ผมจึงโทรติดต่อเพื่อนอีกครั้งก็ยังได้รับคำตอบเดิมว่าให้ตามคนกลุ่มนั้นมา ผมจึงเดินตามเข้าไปในเขตป่า”นายอาฟาด กล่าว

นายอาฟาดเล่าต่อไปว่า “ผมได้เดินเข้าไปในพื้นที่ป่าประมาณ 30 นาที ตอนนั้นน่าจะประมาณ 4:00 น. แล้ว ในที่สุดก็เจอบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ในป่า และมีผู้ชาย 2 คนยืนเฝ้าอยู่ ใกล้ๆ มีแม่น้ำกับเรือ ผมรู้สึกแล้วว่าไม่ปลอดภัย พอโทรหาเพื่อนอีกครั้ง เพื่อนก็บอกว่าให้ตามคนกลุ่มนั้นมาและเขาจะรออยู่ปลายทาง ผมก็ถามว่าไปต่อข้างหน้าก็เมียนมาแล้ว เพื่อนก็ยังบอกให้ไปต่อ ผมจึงตัดสินใจสู้กับคนกลุ่มนั้นและวิ่งหนีมา”

เหยื่อชาวมาเลเซียระบุว่าเขาเป็นครูฝึกสอนของหน่วยงานตำรวจแห่งหนึ่งในมาเลเซีย จึงสามารถต่อสู้กับคนกลุ่มดังกล่าวและวิ่งหนีมาได้โดยปลอดภัย โดยใช้เวลาวิ่งและเดินอยู่นานมากจนกระทั่งมาเจอกับสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในอำเภอพบพระเมื่อเวลาประมาณ 10:00 น. จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทย และตัดสินใจแจ้งความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุ เพราะเขามีเพียงโทรศัพท์และพาสปอร์ตที่พกติดตัวมา แต่เงินสดและกระเป๋าเดินทางยังอยู่กับกลุ่มคนที่พยายามจะพาข้ามฝั่ง

“เงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเป็นเงินไทยที่แลกจากเงิน 2,000 ริงกิตมาเลเซียได้หมายไปหมด หากผมพลาดไปแค่อีกก้าวเดียว ผมก็คงไม่ได้กลับมาแล้ว” นายอาฟาด กล่าว

พ.ต.ท.สิทธิพร ศรีมารัตน์ สารวัตรสอบสวน สภ.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ได้มีชายชาวมาเลเซียเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พบพระ โดยชายคนนี้มีพาสปอร์ตถูกต้อง และทราบในเวลาต่อมาว่าได้นั่งเครื่องบินมาลงที่ประเทศไทยโดยมีเพื่อนชักชวนมาพร้อมจัดรถไปรับที่สนามบิน และมาถึงชายแดนพบพระตอนเช้า และกำลังจะถูกนำตัวข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่เขาไม่ไปเลยหนีมาหาตำรวจ

“ตอนนี้ผมได้อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เขาในการติดต่อกลับไปยังสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และให้เขาอยู่กับตำรวจ ตอนนี้เขาปลอดภัยดี เราได้ส่งตำรวจไปลงพื้นที่ที่เขากำลังถูกพาข้ามไป ปรากฏว่ามีกระเป๋าเขาหล่นอยู่ แต่เงินและบัตรเอทีเอ็มหายไป เรากำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เขาได้กลับบ้าน พ.ต.ท.สิทธิพร กล่าว

พ.ต.ท.สิทธิพรกล่าวว่า จากข้อมูลทางโทรศัพท์ของชาวมาเลเซียรายนี้ ทำให้ทราบเส้นการเดินทางของเขาว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไรซึ่งคงมีรายละเอียดตามมาอีกครั้ง

“เขาบอกว่าเดินทางมาคนเดียวและมีเพื่อนมารอรับจากสนามบิน โชคดีที่เขาเฉลียวใจและหนีมาได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องตกเป็นเหยื่ออีกราย” พ.ต.ท.สิทธิพร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณที่นายอาฟาดกำลังถูกนำตัวข้ามไปนั้น เป็นแหล่งอาชญากรรมใหญ่ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย โดยมีมาเฟียชาวจีนที่ย้ายมาจากเมืองเล้าก์ก่ายในเขตปกครองโกก้าง หลังจากถูกกวาดล้างใหญ่และแหล่งอาชญากรรมเมืองเล้าก์ก่ายถูกตีแตกตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยพื้นที่ฝั่งเมียวดีตรงข้ามกับ ต.ช่องแคบ อ.พบพระนี้อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย ((Democratic Karen Buddhist Army – DKBA)

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ได้มีชาวบังคลาเทศหลบหนีข้ามจากแหล่งอาชญากรรมแห่งนี้มาขอให้ตำรวจพบพระช่วยเหลือครั้งหนึ่งแล้ว

ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหน่วยงานต่างๆของไทย อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งผู้นำกะเหรี่ยง DKBA และผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force- BGF) เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อ 110 คนที่ถูกกลุ่มมาเฟียจีนหลอกไปทำงานในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เขตเมืองเมียวดี ซึ่งรวมถึงแหล่งอาชญากรรมที่นายอาฟาดกำลังถูกพาตัวไปด้วย โดยขณะนี้มีชาวลาว 19 คนกำลังถูกกักขังและทรมานอยู่ในพื้นที่นี้ อย่างไรก็ตามแม้เวลาล่วงเลยมานับสัปดาห์ แต่ยังไม่มีท่าทีใดๆจากรัฐบาลไทย

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.