ชาวมาเลเซีย 12 คนถูกขบวนการอาชญากรข้ามชาติหลอกมาเที่ยวไทยและขอให้เปิดบัญชีธนาคาร ก่อนถูกลักพาตัวไปยังเมียนมาเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยมีการเรียกเงินค่าไถ่มากสุดถึง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.36 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 ดาโต๊ะ ฮิชามุดดิน ฮาชิม ผู้อำนวยการองค์กรระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมแห่งมาเลเซีย (MHO) แถลงว่าประชาชนมาเลเซีย 12 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 6 คน และผู้หญิง 6 คน ตกเป็นเหยื่อเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติที่ซ่องสุมอยู่ในเมียนมา โดยเหยื่อทั้งหมดถูกหลอกให้เดินทางมาที่กรุงเทพฯ พร้อมกันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และถูกพาตัวไปกักขังในเมียนมาจนถึงปัจจุบัน
ผอ.องค์กร MHO ระบุว่าแก๊งค้ามนุษย์ดังกล่าวใช้วิธีหลอกลวงพลเมืองมาเลเซียให้เชื่อว่ามีตั๋วเดินทางเพื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทยฟรี แต่ต้องเปิดบัญชีธนาคารในไทยเป็นการแลกเปลี่ยน ผู้ตกเป็นเหยื่อทั้ง 12 รายมีอายุระหว่าง 22 – 25 ปี และมีเบาะแสบ่งชี้ว่าเหยื่อหลายรายเป็นเพื่อนหรือเป็นคนรู้จักกัน โดยมีการชักชวนต่อเป็นทอดๆ เพื่อไปเที่ยวประเทศไทยด้วยกัน อย่างไรก็ดี เหยื่อทั้งหมดไม่ได้มาจากเมืองเดียวกัน
ขณะที่สื่อมาเลเซีย Kosmo และ Guangming Daily รายงานเพิ่มเติมว่าเหยื่อทั้งหมดเดินทางมาถึงสนามบินในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2024 และถูกนำตัวไปเปิดบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นถูกผู้ก่อเหตุหลอกว่าจะพาไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่สุดท้ายกลับถูกลักลอบพาตัวข้ามฝั่งไปยังเมียนมา และถูกจับตัวไว้เพื่อเรียกค่าไถ่จากครอบครัว โดยผู้ปกครองเหยื่อ 3 ใน 12 คนระบุว่าพวกเขาถูกเรียกค่าไถ่ตัวลูกสาวและลูกชายเป็นเงินประมาณ 10,000 – 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
พ่อของเหยื่อรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลูกชายบอกว่าจะไปเที่ยวประเทศไทยกับเพื่อน แต่หลังจากถึงไทยได้แค่ 1 วัน ลูกชายก็โทรมาบอกว่าถูกหลอกพาตัวไปยังฝั่งเมียนมา และถูกแก๊งอาชญากรเรียกค่าไถ่ หลังจากนั้นลูกชายยังคงโทรกลับมาอีก 2-3 ครั้ง และบอกเล่าว่าเขาถูกบังคับให้อดอาหารนาน 3 วัน ทั้งยังถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ทำให้พ่อของเหยื่อเร่งประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง
ผอ.องค์กร MHO ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่เหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ถูกหลอกถึง 12 คนในการเดินทางเพียงครั้งเดียว เพราะที่ผ่านมามีเหยื่อถูกหลอกครั้งละ 1-3 คนเท่านั้น ทำให้สื่อมาเลเซียรายงานว่าแก๊งค้ามนุษย์อาจกำลังคิดเปลี่ยนวิธีก่อเหตุ ไม่ได้หลอกลวงหรือบังคับเหยื่อให้ทำงานเหมือนที่ผ่านมา แต่หลอกให้มาเที่ยวและบีบบังคับเรียกค่าไถ่จากครอบครัวโดยตรง
ทั้งนี้ ข้อมูลจากหน่วยงานระหว่างประเทศ รวมถึงองค์กรและภาครัฐในไทย บ่งชี้ว่าเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้พื้นที่เมืองเมียวดีในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมาเป็นแหล่งก่อเหตุ เป็นกลุ่มอาชญากรเชื้อสายจีน ซึ่งที่ผ่านมาใช้วิธีโฆษณารับสมัครงานปลอมเพื่อหลอกให้คนมาทำงานเป็นสแกมเมอร์หลอกเงินจากเหยื่อรายอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
วิธีการที่แก๊งค้ามนุษย์และทำธุรกิจเถื่อนเหล่านี้ใช้บ่อยที่สุดคือการเผยแพร่โฆษณาปลอมว่ามีตำแหน่งงานว่างในบริษัทต่างชาติที่มีสำนักงานในประเทศไทย พร้อมทั้งออกหนังสือรับรองเพื่อให้เหยื่อนำไปขอวีซ่าและซื้อตั๋วเดินทางมาไทย เมื่อมาถึงไทยเหยื่อจะถูกบังคับนำตัวข้ามฝั่งไปยังเมียนมา และถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ทำตามคำสั่งของผู้ก่อเหตุ โดยปัจจุบันคาดว่ามีเหยื่อมากกว่าร้อยคนตกอยู่ในเงื้อมมือของแก๊งค้ามนุษย์ในเมียนมา
อนึ่ง เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ตำรวจฝึกสุนัขชาวมาเลเซียรายหนึ่ง เกือบตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี ประเทศพม่า ภายหลังถูกเพื่อนชวนมาเที่ยวไทยโดยลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ถูกหลอกให้ไปเจอกับเครือข่ายแก๊งค้ามนุษย์ซึ่งเตรียมพาข้ามแดนด้าน อ.พบพระ จ.ตากของไทยไปยังแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดี แต่ไหวตัวทันจึงตัดสินใจต่อสู้ขัดขืนระหว่างจะขึ้นเรือข้ามฟากแม่น้ำเมยและหลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทยได้สำเร็จ โดยเหยื่อรายนี้ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวชายขอบ”ว่า เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อพบเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ แต่เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ และโทรหาเพื่อนคนดังกล่าว ได้รับแจ้งว่าเพื่อนไม่สามารถมารับได้ และเพื่อนได้ส่งคนขับรถส่วนตัวมารับแทน เขาจึงตามคนขับไป แต่ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงก็ยังไม่ถึงปลายทางเสียที เขาตัดสินใจโทรหาเพื่อนอีกครั้ง เพื่อนยังคงยืนยันให้เขาตามคนขับรถไป (อ่านรายละเอียดใน https://transbordernews.in.th/home/?p=40485 )
——–
อ้างอิง:
https://www.kosmo.com.my/2024/11/06/12-rakyat-malaysia-diculik-berkumpulan-di-myanmar/
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.