เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าว Tai TV Online และสำนักข่าว Mekong News ว่า กองทัพพม่าได้บังคับผู้ชายที่เคยลี้ภัยสงคราม และเดินทางกลับมายังเมืองลอยก่อ เมืองหลวงของรัฐคะเรนนี ให้เป็นทหารให้กับทางกองทัพพม่า โดยกองทัพพม่าได้จัดตั้งกองทัพชาวบ้านขึ้นในพื้นที่ เพื่อทำหน้าที่ลาดตระเวนและเฝ้าตามด่านทางเข้าเมืองลอยก่อ และตามทางเหลวงเชื่อมระหว่างรัฐคะเรนนีและเมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน

มีรายงานว่า การบังคับชาวบ้านในเมืองลอยก่อเป็นทหารนั้นเริ่มต้นเข้มข้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์กันว่า กองทัพชาวบ้านเหล่านี้จะแปลสภาพเป็นกองทัพรักษาชายแดน (Border Guard Force)ในเวลาต่อมา

ชาวบ้านในพื้นที่เผยกับสื่อว่า ชายที่ถูกบังคับเป็นทหารส่วนใหญ่เป็นชายสูงอายุ ในขณะที่ชายกลางคน หรือคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่อพยพไปอาศัยอยู่ที่อื่น นับตั้งแต่เกิดสงครามในรัฐคะเรนนี ประชาชนที่หลงเหลือในเมืองลอยก่อส่วนใหญ่ยังเป็นผู้หญิงและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในเมืองลอยก่อเหล่านี้ บางส่วนก็เป็นกลุ่มที่สนับสนุนกองทัพพม่า หากเป็นชายอายุระหว่าง 35 ปี ถึง 50 ปีที่อาศัยอยู่รอบนอกเมืองลอยก่อ ยังถูกบังคับให้เป็นสายลับเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านอีกด้วย และบางส่วนถูกจับเป็นลูกหาบ จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ทั้งนี้ เมืองลอยก่อยังคงเป็นพื้นที่ฝ่ายต่อต้านยังไม่สามารถยึดจากกองทัพพม่าได้เบ็ดเสร็จ

ขณะที่ Irrawaddy รายงานว่าเชลยศึกสงคราม ซึ่งเป็นทหารพม่าราว 80 นาย สามารถแหกคุกหนีออกจากคุกในเมืองล่าเสี้ยว ทางเหนือของรัฐฉานได้ โดยสาเหตุที่หนีออกไปได้ เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม โดยชาวบ้านในพื้นที่ได้แสดงความกังวลว่าทหารพม่าที่ก่อเหตุหลบหนีออกไปได้ จะสร้างปัญหาให้กับประชาชนในเมืองล่าเสี้ยว

“พวกเราหวาดกลัวและวิตกกังวลเพราะเชลยศึกหลายสิบคนหลบหนี” หญิงในพื้นที่กล่าว โดยเธอยังเปิดเผยอีกว่า แม้ทางกองทัพโกก้าง MNDAA จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำทางเข้าเมือง แต่ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด แม้ร้านค้าบางส่วนในเมืองจะกลับมาเปิดปกติ แต่ชาวบ้านก็ยังคงกลัวการทิ้งระเบิดทางอากาศจากกองทัพพม่า หลังจากยึดเมืองล่าเสี้ยวได้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางกองทัพโกก้าง MNDAA ได้ส่งมอบทหารกว่า 1,000 นาย ให้กับกองทัพพม่าที่ประจำอยู่ในเมืองใหย๋ แต่ก็ยังควบคุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพพม่าและเชลยศึกบางส่วนไว้

อีกด้านหนึ่ง ที่ผ่านมา มีเอกสารรั่วไหลออกมาจากการประชุมลับระหว่างกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army)และทางการจีนว่า รัฐบาลจีนนั้นไม่ยอมรับการยึดครองเมืองล่าเสี้ยวของกองทัพโกก้าง MNDAA และจะเปิดชายแดนก็ต่อเมื่อกองทัพโกก้าง MNDAA ส่งมอบคืนเมืองล่าเสี้ยวให้กับทางกองทัพพม่า โดยในระหว่างที่ พล.อ.มินอ่องหลายได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมที่จีน กลุ่มพันธมิตรติดอาวุธซึ่งนำโดยกองทัพสหรัฐว้า หรือคณะกรรมการเจรจาและปรึกษาทางการเมืองระดับสหพันธรัฐ (Federal Political Negotiation and Consultative Committee -FPNCC) ได้เรียกประชุมขึ้นในรัฐว้าด้วยเช่นเดียวกัน โดยการประชุมครั้งนี้ เน้นเกี่ยวกับการหารือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองล่าเสี้ยว เมืองหนองเขียว ทางเหนือของรัฐฉานและเมืองกุด ในเขตมัณฑะเลย์ ซึ่งกองทัพพม่ากำลังพยายามที่จะยึดคืนจากฝ่ายต่อต้าน

ทั้งนี้ FPNCC เป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ 7 กลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในภาคเหนือของพม่า ได้แก่ กองทัพสหรัฐว้า UWSA กองทัพโกก้าง MNDAA กองทัพอาระกัน AA กองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง TNLA กองทัพเมืองลา NDAA (มีเขตปกครองทางภาคตะวันออกของรัฐฉาน) และกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.