
สำนักข่าว Chindwin รายงานเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ว่า กองทัพพม่าได้ทิ้งระเบิดทางอากาศลงที่ค่ายผู้พลัดถิ่นภายใน (IDP) ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกุ่งลอ เมืองโมมอก รัฐคะฉิ่น ทางเหนือของประเทศพม่าเป็นเหตุให้มีเด็ก 9 ราย และหญิงอีก 1 รายเสียชีวิต การโจมตีครั้งนี้ ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 12 คน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
สำนักข่าวแห่งนี้รายงานว่า กองทัพพม่าจงใจโจมตีอาคารโบสถ์ชาวคริสเตียน ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงสำหรับผู้ลี้ภัยสงครามในรัฐคะฉิ่น ไม่เพียงแต่โบถส์ของชาวคริสเตียนเท่านั้น อาคารทางศาสนาอื่นๆที่เป็นศูนย์หลบภัยให้กับผู้ลี้ภัยจากสงครามในประเทศ ก็มักถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง
พฤติกรรมครั้งนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการของมนุษยชาติอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตาม กองทัพพม่ายังคงสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยไม่ต้องเผชิญกับผลที่ตามมา ขณะที่โลกกลับมองข้ามสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศพม่า
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567 กองทัพพม่าได้โจมตีทางอากาศใส่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองเขียว ทางเหนือรัฐฉาน ซึ่งเป็นย่านที่คนพลุกพล่านและเป็นจุดที่รถโดยสารมักจอดแวะพัก ทำให้มีประชาชนต้องเสียชีวิต 11 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 11 ราย
ทั้งนี้ เมืองหนองเขียวนั้นถูกกองทัพปะหล่อง TNLA ยึดได้เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 และถึงแม้จะไม่มีเหตุสงครามในพื้นที่ แต่กองทัพพม่าก็ยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศในหลายเมืองทั่วประเทศ
อีกด้านหนึ่งฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ได้เปิดเผยว่า กองทัพพิเศษโดรน ซึ่งใช้ชื่อว่า “Golden Eagle 1111” ได้ใช้โดรนติดอาวุธโจมตีสถานที่ที่เป็นทรัพย์สินทางทหารพม่าที่สำคัญ 7 แห่ง รวมถึงสถานที่ผลิตและบำรุงรักษาเครื่องบิน ที่พักของเจ้าหน้าที่ทหารพม่าอีก 2 แห่ง และฐานทัพอากาศสำหรับฝึกอบรมการบินในตำบลเมกถิลา ในเขตมัณฑะเลย์
ทั่งนี้ทางรัฐบาล NUG คาดว่า มีทหารพม่า 2 นายถูกสังหารหรืออาจได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติการครั้งนี้ และเครื่องบินรุ่น Y – 12 จำนวน 2 ลำ ได้รับความเสียหาย และยังมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบินและอุปกรณ์ทางทหารได้รับความเสียหายด้วยเช่นเดียวกัน