เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.4 บก.ปคม. ร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามผลการตั้งจุดสกัดกั้นการค้ามนุษย์ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงแม่สอด ถนนทางหลวงหมายเลข 12 อ.แม่สอด จ.ตาก 

พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวว่า การตั้งจุดสกัดกั้นการค้ามนุษย์ บริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงแม่สอด บนถนนทางหลวงหมายเลข 12 นั้น เป็นไปตามนโยขายของ ผบ.ตร. ที่สั่งการให้ตำรวจ ปคม. เร่งดำเนินการ เนื่องจากมีข้อมูลว่าปัจจุบันมีชาวต่างชาติ จำนวนมากเดินทางเข้ามาภายในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งเข้ามาแบบถูกต้อง และ ลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ก่อนเดินทางออกชายแดนแม่สอดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปทำงาน ซึ่งมีทั้งไปทำงานปกติ และ ถูกล่อลวงไปบังคับทำงานผิดกฎหมาย จึงบูรณาการกำลังร่วมกับตำรวจทางหลวง ตั้งด่านตรวจ หรือ จุดสกัดขึ้นมา ตรวจสอบคัดกรองชาวต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว 

“จุดสกัดดังกล่าวตั้งอยู่บนทางหลวงแม่สอด ด้านหลังด่านหลัก ซึ่งแนวทางการดำเนินการจะมุ่งเน้นคัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีการจัดกำลังพลเข้าเวรพลัดละ 12 นาย และจะทำเช่นนี้ทุกวันตลอดระยะเวลา 1 เดือนนับจากนี้ เพื่อดูปริมาณต่างชาติเข้าออกมีมากน้อยแค่ไหน ส่วนกลุ่มเป้าหมาย เน้นชาวต่างชาติทุกสัญชาติไม่ใช่เฉพาะชาวเมียนมาร์ จะมีแค่เพียงชาวจีนที่จะเน้นเป็นพิเศษ”พล.ต.ต.ศารุติ กล่าว

พล.ต.ต.ศารุติกล่าวว่า สำหรับกลุ่มชาวต่างชาติที่รับตัวมาเมื่อวันก่อน มีจำนวน 35 ราย ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการเดินทางผ่านประเทศไทยจริงๆเพียงแค่ 7 ราย ทั้งนี้เชื่อว่า ถ้าแผนงานนี้ยังคงดำเนินการต่อไป ในอนาคตจะมีชาวต่างชาติถูกหลอกโดยขบวนการค้ามนุษย์เพื่อพาไปบังคับทำงานประเทศเพื่อนบ้านลดลง”

ทั้งนี้ในปัจจุบันบนเส้นทางสายหลักจาก อ.เมืองตากไปยัง อ.แม่สอด มีด่านตรวจอยู่ 3 แห่ง ประกอบด้วย ด่านแยกนาโบสถ์ของตำรวจ อ.เมือง  ด่านห้วยยะอุเป็นด่านผสมระหว่างทหารและตำรวจ และด่านห้วยหินฝนเป็นด่านผสมหลายหน่วยงาน

ก่อนหน้านี้เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหลายหน่วยงาน เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์มากกว่า 110 คน ที่ถูกมาเฟียจีนหลอกลวงบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ติดกับชายแดน อ.แม่สอดและอ.พบพระ จ.ตาก โดยเหยื่อที่เป็นชาวต่างชาติซึ่งถูกหลอกลวงจำนวนมากเล่าว่านั่งรถตู้จาก กทม.ไปยังตัวอำเภอแม่สอด โดยสามารถผ่านด่านต่างๆได้โดยไม่มีปัญหา

น.ส.เมี่ยง หญิงสาวชาวลาวที่ถูกหลอกลวงมายังแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยด้าน ต.ช่องแคบ อ.พบพระ กล่าวว่า เดิมทีตนเข้ามาทำงานย่านชานเมืองในประเทศไทยก่อน ต่อมามีเพื่อนชาวลาวชวนให้ไปทำงานอื่นโดยบอกว่ามีรายได้ดีตนจึงหลงเชื่อ และถูกพานั่งรถมายัง อ.แม่สอด ก่อนถูกพาตัวข้ามแม่น้ำเมย ถูกบังคับให้งานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในตึกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเมยซึ่งมีกองกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา

“วันนี้หนูและเพื่อนๆ 18 คนยังคงถูกกักขังอยู่ในตึกแห่งนี้ แม้เราพยายามร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ แม้แต่สถานทูตลาวในพม่าก็บอกว่าช่วยอะไรไม่ได้ เพราะรัฐบาลพม่าเข้าไม่ถึงพื้นที่นี้ แต่เมื่อวันก่อนเพื่อนๆชาวศรีลังกากว่า 20 คนได้รับการปล่อยตัวออกไป เพราะรัฐบาลศรีลังกาเขาพยายามอย่างมาก”น.ส.เมี่ยง กล่าว และว่า พวกตนได้ทำจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยโดยผ่านเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ไปตั้งแต่เดือนก่อน เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยเหลือพวกตนได้ แต่จนถึงขณะนี้เกือบ 1 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาช่วยเหลือ

“ตอนนี้ใครก็ได้ ขอให้ช่วยพวกเราที เราอยากกลับไปหาครอบครัวที่ลาว เพื่อนเราที่ทำงานไม่เข้าเป้าก็ถูกตีถูกทรมานกันเสมอ เราไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้กันอีกแล้ว”เหยื่อชาวลาว กล่าว

————-

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.