Search

2 เหยื่อค้ามนุษย์ชาวเคนยาพ้นขุมนรกริมน้ำเมย เผยขบวนการค้ามนุษย์อ้างมาทำงานในไทย-หลอกให้บินมาลงสุวรรณภูมิก่อนพาไปข้ามแดนที่ อ.แม่สอด แฉมาเฟียจีนผ่านด่านฉลุยหลังแจ้งรหัส

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ชาวเคนยา 2 รายซึ่งตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ถูกหลอกมายังไทยก่อนถูกลักลอบนำตัวไปทำงานฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในฝั่งเมียนมานานกว่า 1 ปี ได้รับความช่วยเหลือและถูกนำตัวมาปล่อยไว้บริเวณใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยทั้งคู่กำลังเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ แต่ยังมีชาวต่างชาติตกค้างอยู่ในเงื้อมมือกลุ่มจีนเทาฝั่งเมียนมาอีกไม่น้อยกว่า 302 ราย

ทั้งนี้ นายบารัคและน.ส.แคท ได้เปิดเผยข้อมูลให้เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในประเทศไทย โดยระบุว่า บริษัทปลอมที่เป็นฉากบังหน้าของขบวนการอาชญากรข้ามชาติรับสมัครงานโดยอ้างข้อมูลเท็จว่าเป็นตำแหน่งที่อยู่ในประเทศไทย โดยเรื่องทั้งหมดเริ่มจากการติดต่อของผู้หญิงชาวยูกันดา ซึ่งบอกว่ามีบริษัทที่กำลังมองหาคนที่มีความรู้เพื่อทำงานด้านการขายและการตลาดเพราะบริษัทกำลังจะเปิดสาขาในไทย ทั้งคู่จึงสนใจตำแหน่งงานดังกล่าว และตัดสินใจเดินทางมาไทยในเดือนสิงหาคม 2566

“บริษัทนี้อ้างว่าอยู่ในไทย เขาเสนอว่าจะออกค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักให้กับผู้ที่สนใจไปเยี่ยมชมบริษัทและหากยังสนใจและผ่านการสัมภาษณ์ก็จะดำเนินการเรื่องเอกสารและสัญญา พวกเขาออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ และเงินเดือนที่เสนอคือ 1,200 USD ซึ่งดูน่าเชื่อถือมาก ทั้งโรงแรมที่พักดีและการเดินทางที่หรูหราโดยรถบริษัท” แคท กล่าว

เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิของไทยมีคนกลุ่มคนหนึ่งไปรับอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทและนำตัวทั้งคู่ขึ้นรถไปยังปลายทางที่ชายแดนประเทศไทย

“เราไม่เคยรู้เลยว่าเราอยู่ที่ไหน พวกเขาบอกว่ารถจะพาเราไปที่ตั้งของบริษัท เรานั่งรถกันหลายชั่วโมงจนไปถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่นั่นเราพบกับคนอื่นๆ ที่บอกว่ามาจากบริษัท พวกเขาพาเราไปที่แม่น้ำ ก่อนหน้านั้นมีการสับเปลี่ยนรถหลายครั้ง มันดูน่าสงสัย เมื่อไปถึงแม่น้ำ มันก็ดูผิดปกติ มันมืด เราบอกว่าเราไม่ขึ้นเรือ แต่พวกเขามีอาวุธและยึดโทรศัพท์ของเรา พวกเขาพาเราไปที่ที่เราเรียกว่าภูเขาซึ่งเป็นจุดหมายแรก เราพยายามขัดขืน แต่พวกเขามีอาวุธ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามคำสั่ง”เหยื่อชาวเคนย่า กล่าว

ทั้งคู่ให้ข้อมูลว่า สถานที่ที่ถูกพาไปเหมือนค่ายทหารและมีห้องที่เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง พวกเขาแค่ถามว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่ จากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มให้เราอ่านเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ (CV) และต่อมาบอกว่าเราต้องแอบอ้างเป็นคนที่เราอ่าน ซึ่งเป็นผู้หญิง

“หลังจากนั้นพวกเขาให้โทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์กับเรา ให้เราคุยกับคนอื่นตามบทสนทนาที่กำหนดไว้ และเริ่มทำร้ายเรา หากเราไม่ปฏิบัติตามบทสนทนาอย่างเคร่งครัด เราต้องแสดงตัวเป็นผู้หญิงเพื่อหลอกล่อผู้ชายผ่าน WhatsApp โดยพยายามทำให้พวกเขาตกหลุมรักเรา จากนั้นจึงชักชวนให้พวกเขาลงทุนในคริปโต มีชาวจีนที่รับผิดชอบส่วนนี้ พวกเขาจ่ายเงินให้เรา $400 ในเดือนแรก”ทั้งคู่ให้ข้อมูล

บารัคกล่าวด้วยว่า เขาถูกจับขังห้องมืด 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายถูกขังเป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากลูกค้าที่เขาถูกจัดให้ ไม่ได้โอนเงิน พวกมาเฟียจีนจึงบอกว่าเป็นความผิดของเขาที่โน้มน้าวลูกค้าไม่สำเร็จ โดยภายในห้องมืดถูกขังให้อดอาหาร ไม่มีอะไรให้กินนอกจากน้ำสกปรกจากแม่น้ำในปริมาณจำกัด ยังถูกแขวนด้วยกุญแจมือเหมือนถูกตรึงกางเขน ทำให้ไม่ได้นอนหลับเป็นเวลา 5 วัน และในวันที่ 5 ก็หมดสติและต้องถูกพาไปคลินิก หลังจากนั้นก็ถูกย้ายตัวไปทำงานอีกแห่งหนึ่งในเมืองเมียวดี

บารัคและแคทกล่าวว่า เริ่มขอความช่วยเหลือผ่านครอบครัวและสถานทูตเคนยาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ซึ่งแม้จะมีความพยายามช่วยเหลือผู้เสียหายจากศรีลังกา เคนยา และชาติอื่นๆ ในพื้นที่เดียวกัน แต่พวกตนยังติดอยู่ในคอมพาวด์ที่เมืองเมียนมาอีกนาน จนกระทั่งได้ติดต่อไปยังเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จึงได้รับการประสานงานจากหลายฝ่ายจนนำไปสู่การปล่อยตัวและถูกนำมาไว้ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

อย่างไรก็ตามก่อนจะได้รับความช่วยเหลือ โทรศัพท์ของทั้งคู่ถูกยึดโดยกลุ่มมาเฟียจีนที่เป็นเจ้าของบริษัทฉ้อโกงดังกล่าว ทำให้การติดต่อขาดช่วงไปตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2567 แต่ในเช้าวันถัดมา โทรศัพท์ของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งตัวจาก SpaceX KTV ในเมืองเมียวดี ข้ามมายังอำเภอแม่สอดของไทยเพื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ

“ระหว่างเดินทางจากแม่สอดไปกรุงเทพฯ มีชายชาวจีนหนึ่งคนนั่งที่เบาะหน้าคนขับ เมื่อผ่านด่านตรวจ พวกเขาสั่งให้ผู้เสียหายหลบซ่อนและใช้รหัสผ่านกับเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจเพื่อผ่านไปได้ และรถถูกเปลี่ยนถึง 5 ครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ถูกปล่อยตัวที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เราจึงหาทางติดต่อสถานทูตเคนยาเพื่อขอความช่วยเหลือ”ทั้งคู่ กล่าว

เหยื่อชาวเคนยากล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีชาวต่างชาติกลุ่มอื่น เช่น ศรีลังกา เนปาล ถูกกักตัวอยู่ในคอมพาวด์เดียวกันกับตน แต่กลุ่มสุดท้ายถูกปล่อยตัวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยปัจจุบันมีเหลือเพียงชาวจีนและชาวเมียนมาประมาณ 800 คน โดยชาวจีนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงาน ซึ่งหลายคนที่ถูกทรมานอย่างหนักก็อยากกลับบ้าน แต่ไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะโทรศัพท์ถูกยึด โดยมีชาวจีน 4 คนพยายามหลบหนีช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2567 และมีหนึ่งคนถูกยิงเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2567 เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้นำกองกำลังกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ในฝั่งเมียนมา เพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 110 คนจาก 9 ประเทศ ซึ่งมีเบาะแสยืนยันว่าทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในพื้นที่ตรงข้ามอำเภอพบพระและแม่สอด จังหวัดตากของไทย โดยมีการประสานงานกับนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม และกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพื่อติดตามและเพิ่มรายชื่อผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น รวมเป็น 302 คนจากทั้งหมด 13 ประเทศ

ทั้งนี้ขณะนี้บารัคและแคท อยู่ในความดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อเตรียมเข้าสู่กลไกการคัดกรองและคุ้มครองผู้เสียหาย

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →