
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 สำนักข่าวลาว Laotian Times รายงานว่าจ้าว เหว่ย นักธุรกิจชาวจีนและผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจคิงส์โรมันส์ (Kings Romans) ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกงและเป็นผู้พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับรางวัลเหรียญพัฒนาชั้นสาม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา จากเวียงสวัสดิ์ สีพันดอน เจ้าแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งเป็นการยกย่องการมีส่วนสนับสนุนของเขาต่อความพยายามด้านการรักษาความปลอดภัยของแขวง
สื่อลาวรายงานว่ารางวัลดังกล่าวได้รับตามระเบียบที่ออกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 เพื่อเป็นการยกย่องการสนับสนุนด้านวัตถุและการเงินของจ้าวเหว่ย จำนวน 1.3 พันล้านกีบ (ประมาณ 59,400 เหรียญสหรัฐ หรือ สองล้านบาท) แก่กองบัญชาการตำรวจภูธรหลวงพระบาง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม 2565 เจ้าเหว่ยได้รับเหรียญความกล้าหาญชั้นสอง
ทั้งนี้ในพิธีมอบเหรียญ นายจ้าวเหว่ยได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลลาว และเจ้าแขวงต่างๆ ที่ให้คำแนะนำ โดยจ้าวเหว่ยได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการพัฒนาในพื้นที่ต่อไป และเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและก้าวหน้าของกลุ่มธุรกิจคิงส์โรมันส์
สื่อลาวรายงานอีกว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทาน 99 ปีที่ได้รับเมื่อปี 2550 แต่เผชิญการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ เช่น คาสิโน การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ อย่างไรก็ตามในเดือนสิงหาคม 2567 ตำรวจลาวร่วมมือกับตำรวจจีนเปิดปฏิบัติการเพื่อจับกุมกลุ่มอาชญากรที่ทำธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมายในเขตดังกล่าว ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ 771 โดยยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวผู้สื่อข่าวสำนักข่าวชายขอบรายงานว่า ปัจจุบันยังมีชาวต่างชาติที่ถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์หลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรคิงส์โรมันส์ของจ้าวเหว่ยอีกจำนวนหนึ่ง โดยชาวต่างชาติเหล่านี้พยายามร้องขอความช่วยเหลือให้นำตัวออกมาจากแหล่งอาชญากรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่เหยื่ออีกจำนวนหนึ่งถูกย้ายไปอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวชายขอบรายงานว่า ปัจจุบันยังมีชาวต่างชาติที่ถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์หลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรคิงส์โรมันส์ของจ้าวเหว่ยอีกจำนวนหนึ่ง โดยชาวต่างชาติเหล่านี้พยายามร้องขอความช่วยเหลือให้นำตัวออกมาจากแหล่งอาชญากรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่เหยื่ออีกจำนวนหนึ่งถูกย้ายไปอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด