
นอกจากวันที่ 10 ธันวาคมจะเป็นวันรัฐธรรมนูญในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากลของประเทศภาคีสหประชาชาติทั่วโลกอีกด้วย แต่สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา กลายเป็นประเด็นที่หลายประเทศทั่วโลกจับตามอง โดยเครือข่ายภาคประชาสังคมเผยข้อมูลว่ายังมีเหยื่อการค้ามนุษย์ 325 คนจาก 13 ประเทศตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มอาชญากรเชื้อสายจีนในพื้นที่ริมแม่น้ำเมย ประเทศเมียนมาตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีแผ่นดินไทยเป็นระเบียงหรือทางผ่านให้กับมาเฟียจีนเทานำพาเหยื่อข้ามไปยังแหล่งอาชญากรรม โดย 1 ในผู้เสียหายที่ได้รับการช่วยเหลือเดินหน้าเรียกร้องรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาค้ามนุษย์

วันที่ 10 ธันวาคม 2024 อารยัน (นามแฝง) ผู้เสียหายชาวบังกลาเทศที่ได้รับการช่วยเหลือจนรอดพ้นจากแก๊งค้ามนุษย์และเครือข่ายฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในเมียนมาเมื่อเดือนตุลาคมผ่านมา ได้เป็นตัวแทนครอบครัวเหยื่อรายอื่นๆ ที่ยังตกค้างอยู่ในเมียนมา เข้าพบผู้แทนรัฐบาลในประเทศบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความช่วยเหลือเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่ยังตกค้างอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอพบพระและอำเภอแม่สอดในจังหวัดตากของไทย
ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับการยืนยันจากเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในประเทศไทย พบว่าผู้เสียหายที่ร้องขอความช่วยเหลือ 325 คนซึ่งเป็นพลเมืองจาก 13 ประเทศและรัฐทั่วโลก ยังตกอยู่ในเงื้อมมือของมาเฟียจีนที่ซ่องสุมอยู่บริเวณริมแม่น้ำเมยในเมียนมา โดยมาเฟียวเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ภายใต้ความควบคุมของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งเป็นแนวร่วมกับกองทัพรัฐบาลทหารพม่า แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ยังไม่อาจระบุได้ว่าถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่บริเวณใด
ผู้เสียหายทั้ง 325 คนมาจากหลากหลายประเทศ ได้แก่ ลาว (19 คน) อุซเบกิสถาน (1 คน) คาซักสถาน (1 คน) เอธิโอเปีย (10 คน) บังกลาเทศ (14 คน) เนปาล (1 คน) โมร็อกโก (1 คน) เคนยา (30 คน) ฟิลิปปินส์ (65 คน) ปากีสถาน (30 คน) ไต้หวัน (73 คน) อินโดนีเซีย (74 คน) และญี่ปุ่น (6 คน)

ขณะที่อารยันเป็นหนึ่งในผู้เสียหายชาวบังกลาเทศ เคยทำงานที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ถูกนายหน้าของบริษัทปลอมหลอกลวงว่ามีงานให้ทำที่ประเทศไทย จึงสมัครงานและเดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิช่วงกลางปี 2024 แต่หลังจากนั้นกลับถูกแก๊งอาชญากรรมนำตัวข้ามฝั่งไปยังเมียวดีและถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์นานหลายเดือน ทั้งยังเผชิญการซ้อมทรมานและถูกช็อตด้วยไฟฟ้าถ้าหากขัดขืน จนกระทั่งเขาตัดสินใจกระโดดแม่น้ำเพื่อหลบหนีและติดต่อขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายภาคประชาสังคมและทางการไทยได้สำเร็จเมื่อเดือนตุลาคม 2024
หลังจากนั้นอารยันเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ของทางการไทยและได้รับการส่งตัวกลับบังกลาเทศ และเริ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เพื่อนร่วมประเทศและเพื่อนชาวต่างชาติที่ยังคงถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกลุ่มทุนจีนผิดกฎหมายในเมียนมา
ล่าสุด อารยันได้เข้าพบกับตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสวัสดิภาพพลเมืองบังกลาเทศเพื่อเรียกร้องให้ทางการบังกลาเทศเร่งประสานความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในเมียนมา และก่อนหน้านี้อารยันยังได้เรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้ดำเนินการปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์ที่ใช้ไทยเป็นทั้งทางผ่านและเป็นข้ออ้างเรื่องการจ้างงานในการหลอกลวงเหยื่อจากทั่วโลก พร้อมย้ำว่าการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ของแก๊งจีนเทาเหล่านี้ยังเป็นต้นตอให้คนจำนวนมากทั่วโลกได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียทรัพย์สินอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีครอบครัวชาวปากีสถาน 4 รายที่ตกเป็นเหยื่อค้าขบวนการค้ามนุษย์ในเมียวดี ให้ปากคำกับสื่อมวลชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมรวมถึง เรียกร้องต่อรัฐบาลไทยเร่งประสานการช่วยเหลือผู้ที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่สีเทาดังกล่าว
“ได้โปรดช่วยน้องชายของฉันด้วย เขาติดอยู่ที่เมียวดีนานกว่า 10 เดือน ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย เขาถูกบังคับและทรมาน ขอวิงวอนรัฐบาลไทยช่วยเหลือพวกเขาออกมา” พี่สาวของเหยื่อชาวปากีสถานรายหนึ่งฝากถึงทางการไทย
ขณะที่กลุ่มเหยื่อมาเฟียจีนกลุ่มชาวลาว 19 คนซึ่งยังถูกกักขังอยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย ได้พยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานเอกอัครราชทูตลาวประจำเมียมา แต่กลับได้รับคำตอบว่าให้อดทน เนื่องจากสถานทูตลาวได้พยายามประสานไปยังรัฐบาลทหารพม่าแล้ว แต่ได้รับคำตอบจากทางการพม่าว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจรัฐบาลทหารพม่า
“พวกเราอยากกลับบ้านที่ประเทศลาวมาก อยากไปร่วมวันปีใหม่กับครอบครัว เราพยายามร้องขอความช่วยเหลือไปทุกๆที่ รวมถึงรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆของไทย แต่ผ่านมาแล้วนับเดือน กลับไม่มีคำตอบหรือความหวังใดๆ”เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ในแหล่งอาชญากรรมริมน้ำเมย กล่าว

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และหน่วยงานต่างๆของไทย อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ช่วยเหลือเหยื่อการค้านมนุษย์ 110 คน ที่ถูกมาเฟียจีนบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดีติดกับชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ภายใต้การดูแลของกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force- BGF) และกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย(Democratic Karen Buddhist Army – DKBA) โดยเหยื่อเหล่านี้ถูกกักขังและทรมานอย่างโหดร้าย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้ที่:
https://transbordernews.in.th/home/?p=40460
https://transbordernews.in.th/home/?p=40555