เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติ กว่า 12 ประเทศ มากกว่า 300 คน ว่าถูกหลอกลวงไปทำงานสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ในฝั่งเมียนมา ชายแดนไทย โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งตนเองทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทย และกองกำลังชาติพันธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือชาวต่างชาติเหล่านี้
สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวว่า ล่าสุดได้รวบรวมกลุ่มที่ขอความช่วยเหลือเร่งด่วนไปทางกองกำลัง DKBA และ BGF ซึ่งมีชาวลาว 19 คน อุซเบกิสถาน 1 คน คาซัคสถาน 1 คน เอธิโอเปีย 10 คน บังคลาเทศ 13 คน โมร็อคโก 1 คน เคนย่า 23 คน ฟิลิปปินส์ 65 คน ไต้หวัน 73 คน อินโดนีเซีย 73 คน และญี่ปุ่น 6 คน
“มีหลายชาติมาก ที่ถูกนำพาไปทำงานในฝั่งเมียนมา ซึ่งอยู่ชายแดนไทย ในพื้นที่กองกำลังชาติพันธุ์ที่มีหลายกลุ่ม ทำให้การประสานงานขอความช่วยเหลือที่ต้องใช้เวลา ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการไทย ก็ช่วยเหลือชาวต่างชาติให้กลับมา แต่ด้วยข้อจำกัดเชิงพื้นที่ทำให้ใช้เวลาอยู่บ้าง”นายกัณวีร์ กล่าว
นายกัณวีร์ กล่าวว่า การจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ชายแดนไทย-เมียนมา ต้องยกระดับความร่วมมือกับหลายประเทศ เพราะขณะนี้ประเทศที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อ เช่น เคนย่า บังคลาเทศ ตนเองได้หารือกับเอกอัครราชทูตเคนย่า ประจำประเทศไทย เพื่อจะได้ประสานงานกับกองกำลังชาติพันธุ์ และทหารไทย รวมถึงทหารเมียนมา ทำให้การช่วยเหลือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“ยังมีอีกหลายประเทศ รวมถึงจีน ก็มีคนที่ตกเป็นเหยื่อด้วยกันเอง ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบข้อมูล ดังนั้นประเทศไทยจะปฏิเสธความไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะออกวีซ่าให้คนต่างชาติเข้ามา ผมได้พูดคุยกับรัฐมนตรี พม.ที่พร้อมใช้กลไกในการคัดกรองเหยื่อการค้ามนุษย์ แต่ควรมีมาตการที่ชัดเจนกว่านี้” นายกัณวีร์ กล่าว
สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวว่า หากไทยจะจริงจังในการตรวจสอบ ไม่ยากเลย แม้ชาวต่างชาติจะขอวีซ่าเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าเดินทางไปเแม่สอด จ.ตาก เป็นสัญชาติ แปลกๆ มาเป็นกลุ่มใหญ่ ก็ต้องสังเกตว่ามีอะไรแปลกๆ เจ้าหน้าที่รัฐ ต้อง ‘เอ๊ะ’ ทำไมกลุ่มประเทศแอฟริกา จะไปทำอะไรชายแดน เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ เพราะกลุ่มต่างชาติที่ไปเพื่อนบ้าน ไปถึงแม่สอด แล้วหายไป บางคนไปเล่นคาสิโน บางคนถูกหลอกไปค้ามนุษย์ แต่ไม่ได้เดินทางกลับมาฝั่งไทย
“ผมได้ยินว่าไทยอยากมีการพัฒนาในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ เพื่อยกระดับไม่อยู่ในเทียร์ 2 จึงอยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจัง ทั้งการปราบปรามและการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รัฐบาลควรเอาจริงเอาจัง เรื่องนี้ เราเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เราต้องสร้างความร่วมมือ เป็นผู้นำต่อต้านกลไกการค้ามนุษย์นี้ให้ได้” นายกัณวีร์ กล่าว
สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่จะช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ได้ ไทยต้องทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อ อย่างที่ตนเองได้รับการประสานงาน กว่า 12 ประเทศ กว่า 300 คน ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนมาก ที่ติดต่อไม่ได้
“ที่ผ่านมา คนที่ต้องการออกจากพื้นที่ ต้องหาเงินมาไถ่ตัว เป็นหลักแสน ถือเป็นการค้ามนุษย์ที่รุนแรงมาก เพราะการไถ่ตัวยอมรับไม่ได้ ทำให้ขบวนการนี้ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ เหยื่อบางรายจำยอมต้องจ่าย เพื่อจะได้ปลอดภัย และในขั้นตอนสุดท้าย ต้องเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM ที่ต้องว่ากันด้วยข้อมูลจริง” นายกัณวีร์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ชาวเคนยา 2 รายซึ่งเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และได้รับความช่วยเหลือออกมาจากแหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดี และกำลังเข้าสู่กระบวนการคัดแยกหรือกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism – NRM) ในความดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ปรากฏว่าล่าสุดมารดาของผู้เสียหายชาวเคนยารายหนึ่ง ได้ทำหนังสือแจ้งว่าป้าของผู้เสียหายกำลังป่วยหนักและต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง จึงอยากให้ผู้เสียหายได้กลับไปโดยด่วนเนื่องจากทราบว่าผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือออกมาแล้วซึ่งอยู่ในระหว่างการส่งกลับ ดังนั้นมารดาของผู้เสียหายจึงได้ส่งหนังสือมายังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความเมตตาให้ผู้เสียหายได้ผ่านกระบวนการต่างๆโดยด่วนและเดินทางกลับไปหาป้าซึ่งกำลังป่วยหนัก ทั้งนี้ชาวเคนยาทั้ง 2 คนได้เข้าไปอยู่ในความดูแลของ พม.ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา