Search

“ส่วย”ริมเมย

ภาสกร จำลองราช

ถ้ารัฐบาลไทยเห็นความสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแหล่งสแกมเมอร์บริเวณชายแดนโดยเฉพาะริมแม่น้ำเมย ฝั่งเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.แม่สอดและ อ.พบพระ จ.ตาก รัฐบาลต้องแก้ไข “ระบบส่วย”ซึ่งเป็นการทุจริต-คอรัปชั่นในบ้านเมืองตัวเองก่อนอื่นใด อย่างน้อยต้องตัดวงจรของระบบให้ขาดก่อน

แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมยซึ่งมี 30-40 แห่งนั้น มีเม็ดเงินจากเลือดเนื้อของคนทั่วโลกหมุนเวียนนับแสนล้านบาท เงินก้อนใหญ่ถูกนำไปติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐในฝั่งประเทศไทยซึ่งทำให้ธุรกิจสีดำของเหล่ามาเฟียจีนดำเนินการได้อย่างลื่นไหลและใหญ่โตขึ้นทุกวัน แม้ปัจจุบันที่มีข่าวมานานนับปีแฉถึงความชั่วร้ายของแหล่งธุรกิจอาชญากรรมไว้มากมาย แต่การก่อสร้างตึกอาคารใหญ่โตริมแม่น้ำเมยฝั่งเมียวดีก็ยังผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในชเวโก๊กโก่ ช่องแคบ และพื้นที่ใหม่ๆตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน แสดงให้เห็นถึงความเฟื่องฟูของธุรกิจต้มตุ๋นหลอกลวงที่ยังเดินหน้าต่อไป

การคนจีนนับหมื่นนับแสนคนและชาวต่างชาติจากทั่วโลกไม่น้อยกว่า 20 ชาตินับหมื่นคนข้ามจากอำเภอแม่สอดไปยังแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อด่านพรมแดนแม่สอดก็ห้ามชาติต่างชาติอื่นที่ไม่ใช่คนไทยและพม่าผ่าน ขณะที่พื้นที่นี้เสมือนไข่แดงที่ล้อมกรอบไปด้วยการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกองทัพกะเหรี่ยง KNU (Karen National Union)และพันธมิตร ดังนั้นการใช้เส้นทางอื่นในพม่าจึงเป็นไปได้ยากโดยเฉพาะถนนสายหลักจากเมืองเมียวดีไปสู่เมืองใหญ่ในพม่าถูกตัดขาดไปนานแล้ว

เพราะฉะนั้นช่องทางธรรมชาติและท่าข้ามเอกชนราว 400 แห่งริมแม่น้ำเมย จึงกลายเป็นช่องทางเข้า-ออกคนจีน รวมทั้งขบวนการค้ามนุษย์และเหล่าสแกมเมอร์ โดยในทุกค่ำคืนท่าข้ามเอกชนที่มีรั้วรอบขอบชิดได้สร้างกลไกการเข้า-ออก รองรับผู้เดินทางข้ามน้ำเมยเอาไว้อย่างดี

ระบบส่วยริมแม่น้ำเมยที่ถูกส่งต่อเป็นขั้นเป็นตอนให้หลายหน่วยงานราชการไทย ซึ่งต่างก็เป็นที่รับรู้กันดีในท้องถิ่น ทำให้ปัจจุบันราคาเก้าอี้ของหัวหน้าหน่วยงานที่อยู่ในวงจรอุบาทว์นี้สูงถึงตัวเลข 2 หลัก

หากองค์กรอิสระด้านการตรวจสอง ไม่ว่าจะเป็น ปปง. ปปช.หรือ ปปท.จากส่วนกลางเข้าไปสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจัง ก็จะพบอะไรมากมายที่ยังฝังไว้ไม่มิด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการช่วยเหลือเหยื่อของพวกจีนเทาได้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการประสานกันภายใน เช่น สถานทูตของประเทศผู้เสียหายติดต่อเป็นการภายในไปยังหัวหน้าหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ และหัวหน้าหน่วยราชการฯก็จะมีการประสานไปยังผู้นำกลุ่มกองกำลังที่คุมพื้นที่แหล่งอาชญากรรมนั้น บางส่วนครอบครัวยอมจ่ายเงินเป็นค่าไถ่ตัวออกมา แต่จำนวนไม่น้อยแค่ประสานข้ามฟาก แจ้งพิกัดก็ได้ตัวคืนมา

เหยื่อบางส่วนเมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทยแล้ว ก็เข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติเพื่อการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหาย (National Referral Mechanism-NRM) แต่เหยื่อจำนวนมากแค่เสียค่าปรับเพราะอยู่เกินกำหนดก็กลับบ้านเกิดได้เลย ซึ่งวิธีการหลังนี้หน่วยงานราชการเองก็พึงพอใจ เพราะไม่ต้องยุ่งยากและถูกบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการให้ “ตรวจสอบ”ย้อนหลังกันได้

 เป็นที่น่าสังเกตว่าในการให้ปากคำของเหยื่อในกระบวนการ NRM ซึ่งมีการพาดพิงถึงบุคคลและหน่วยงานต่างๆในกระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง แต่กลับมีเพียงไม่กี่กรณีที่ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้นำไปขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการค้ามนุษย์

หากนำข้อมูลการให้ปากคำของเหยื่อในกระบวนการ NRM มาคลี่ดูจริงๆจังๆ ตั้งแต่การผ่านด่าน 3 แห่งเข้าสู่ อ.แม่สอด การไปจอดและเปลี่ยนรถตามห้างหรือพักรอตามโรงแรมต่างๆในแม่สอด จนยามค่ำคืนที่ถูกพาข้ามแม่น้ำเมย จะเห็นร่องรอยทั้งหมดของขบวนการค้ามนุษย์ของกลุ่มต่างๆ ซึ่งท้ายทายความ “กล้า”ขององค์กรตรวจสอบทั้งหลายที่จะดำเนินการ

การที่ลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธทั้งกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force ) กะเหรี่ยง DKBA ( Democratic Karen Buddhist Army ) เดินเข้า-ออกแม่สอดเป็นว่าเล่น และสามารถขนครอบครัวบินไปช็อปปิ้งใน กทม.ยันสิงคโปร์ได้ตามอำเภอใจพร้อมของฝากชิ้นโตให้ “ใคร”หลายคนในแม่สอด นั่นยอมอธิบายถึงความสัมพันธ์อันดีทั้งบนดินและใต้ดิน

ดังนั้นการช่วยเหลือดาราจีน “ซิง ซิง”ได้ในระยะเวลาสั้นๆแค่ 2 คืนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีสะพานที่มองไม่เห็นทอดข้ามแม่น้ำเมยอยู่มากมาย เพียงแต่จะเลือกใช้สะพานไหน

ต้นสายธาร “ส่วย”แม่น้ำเมยที่เข้าไปถึงใจกลางศูนย์บัญชาการบางหน่วยงานแห่งรัฐไทยจึงมีความสลับซับซ้อนพอสมควร และพัวพันไปยังผู้มีอำนาจในวงการต่างๆ ทั้งสายความมั่นคง เศรษฐกิจและการเมือง ดังนั้นหากรัฐบาลปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์และเหล่าสแกมเมอร์ทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องตัดวงจร “ส่วย”เหล่านี้ให้ได้ก่อน

การประกาศจะจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแหล่งอาชญากรรมรอบประเทศ ในขณะที่ตั้งท่าเปิดบ่อนพนันออนไลน์ถูกกฏหมายรวมทั้งบ่อนคาสิโนในนามเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพ็กซ์ในประเทศไทย  ทำให้สังคมไทยดูอีหลักอีเหลื่อพอสมควร

มองดูแล้วคล้ายมีคน “ตบหัว”เหล่ามาเฟีย พร้อมกวาดต้อนให้เข้ามาอยู่ในคอกเดียวกัน

————-

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →