
เมื่อวันที่16 มกราคม 2568 สำนักข่าวไทใหญ่ SHAN รายงานว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้โจมตีทางอากาศใน 13 เมืองทั่วประเทศ ไม่น้อยกว่า 15 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน เช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ได้โจมตีทั้งเมืองจ้อกเม ทางเหนือของรัฐฉาน และเมืองผากั้น รัฐคะฉิ่น
สำนักข่าว SHAN ระบุว่า ถึงแม้เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ของคะฉิ่น ทางกองทัพพม่าจะส่งหนังสือแสดงความต้องการสร้างสันติภาพ แต่ในวันถัดมากลับพบว่า กองทัพพม่าได้โจมตีรัฐคะฉิ่น ทำให้มีประชาชนต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ขณะที่สำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 การโจมตีทางอากาศใน 6 ภูมิภาคของกองทัพพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 60 คน ในขณะที่พล.อ.มิน อ่อง หลาย เรียกร้องให้มีการสร้างสันติภาพ โดยใน 13 เมืองที่ถูกกองทัพพม่าโจมตีนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น เขตของกองทัพโกก้าง AA กองทัพปะหล่อง TNLA กองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA
ทั้งนี้เหตุการณ์โจมตีทางอากาศอากาศครั้งล่าสุดที่ดูเหมือนจะรุนแรงที่เกาะรัมรี รัฐอาระกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 40 ราย ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์โจมตีทางอากาศในครั้งนี้ ทำให้มีบ้านเรือนจำนวน 390 หลังคาเรือนถูกเผาไหม้เนื่องจากสร้างอยู่ติดๆกันและเป็นชุมชนแออัด ทำให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
ผู้สังเกตการณ์รายหนึ่งระบุว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพพม่านั้นมีเป้าหมายมุ่งไปที่พลเรือนโดยเจตนา ไม่ใช่เพื่อโจมตีกองกำลังต่อต้าน
พ.อ. Naw Bu โฆษกของ KIA กล่าวว่าการทิ้งระเบิดที่เมืองทาไน ในรัฐคะฉิ่นนั้น ไม่ได้รับการยั่วยุแต่อย่างใด สอดคล้องกับการเปิดเผยของสมาชิกกองกำลังป้องกันประชาชนเมืองมัดตะยะ (Madaya Township People’s Defense Force) ว่า “พวกเขาทิ้งระเบิดแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อขัดขวางไม่ให้กลุ่มต่อต้านโจมตีฐานทัพพม่าและรุกคืบมายังเมืองมัณฑะเลย์ แท้จริงแล้ว ไม่มีการสู้รบในเมืองมัดตะยะ แต่พวกเขากำลังโจมตีทั้งทางอากาศและใช้ปืนใหญ่โจมตี”
ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าให้หยุดการโจมตีทางอากาศ โดยเมื่อวันที่ 10 มกราคม กลุ่ม Blood Money Campaign เรียกร้องให้ประชาคมโลกหยุดส่งเชื้อเพลิงเครื่องบิน เครื่องบิน และชิ้นส่วนต่างๆ ให้กับรัฐบาลทหารพม่า โดยเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ Su-30 สองลำสุดท้ายในจำนวน 6 ลำจากรัสเซีย ภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกด้านหนึ่ง กองทัพอาระกัน AA รุกคืบเข้ามายังเมือง ‘ฉ่วยต่องหยั่น’ เมืองชายหาดในเขตอิรวดี ห่างจากเมืองปะเต่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กม. ซึ่งยังเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการตะวันตกเฉียงใต้ของกองทัพพม่าการรุกคืบของกองทัพอาระกันกำลังเป็นภัยคุกคามของกองทัพพม่าในพื้นที่ เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดสงครามในพม่า เขตอิรวดีเป็นภูมิภาคเพียงไม่กี่แห่งในพม่าที่ยังอยู่ในสถานการณ์สงบสุขและไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามในประเทศ อย่างไรก็ตามขณะนี้ กองทัพพม่าได้มีการเพิ่มกำลังพลจำนวนมากตามเมืองชายหาดชื่อดังของเขตอิรวดี เพื่อป้องกันกันรุกรานจากกองทัพพม่าอาระกัน AA
การรุกคืบของกองทัพอาระกันกำลังเป็นภัยคุกคามของกองทัพพม่าในพื้นที่ เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดสงครามในพม่า เขตอิรวดีเป็นภูมิภาคเพียงไม่กี่แห่งในพม่าที่ยังอยู่ในสถานการณ์สงบสุขและไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามในประเทศ อย่างไรก็ตามขณะนี้ กองทัพพม่าได้มีการเพิ่มกำลังพลจำนวนมากตามเมืองชายหาดชื่อดังของเขตอิรวดี เพื่อป้องกันกันรุกรานจากกองทัพพม่าอาระกัน AA