เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ (Civil Society Network for Victim Assistance in Human Trafficking) ได้เปิดเผยข้อความของญาติเหยื่อค้ามนุษย์ชาวบังคลาเทศ ที่ถูกหลอกให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์สแกมเมอร์ ถูกกักขังและทรมานอย่างสาหัสอยู่ในแหล่งอาชญากรรมช่องแคบ เมืองเมียวดี ประเทศพม่า ว่าพี่ชายของตนส่งข้อความมาบอกว่ากำลังถูกทำร้าย กรีดขา ขังในห้องมืด เอาถังน้ำ 20 ลิตรแขวนที่คอ
“ขอให้ช่วยเขาโดยทันที หากไม่ช่วยในวันสองวันนี้เขาคงไม่รอดแน่ๆ ฉันขอร้องประชาคมโลกให้ช่วยทันที ขอให้ท่านประธานาธิบดีจีนดำเนินการช่วยเหลือ ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีไทยช่วย หากไม่ช่วยตอนนี้เขาคงไม่รอดแน่ๆ เขาถูดอดอาหารมากว่า 3 วันแล้ว มีเพียงน้ำลูบท้อง ขอให้ช่วยโดยทันที หากปล่อยไปแบบนี้เขาคงตายในไม่ช้า เขาพวกมาเฟียจีนถูกกุกมขังและทรมาน ช็อตไฟฟ้า เขาทุกข์ทรมานมาก ท่านโปรดช่วยเขาด้วย เขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว” ญาติของเหยื่อระบุในข้อความ
เพจสื่อพม่า-กะเหรี่ยง Salween press ได้โพสต์บทวิเคราะห์กรณีกลุ่มกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force-BGF) และ DKBA มีเนื้อหาสำคัญตั้งคำถามว่าการที่กองกำลัง BGF เปิดรับสมัครทหารใหม่จำนวนมากจะสอดคล้องกับแนวทางในการป้องกันแก้ปัญหาแก็งค์คอลเซนเตอร์ที่กำลังขยายวงกว้างหรือไม่
Salween press ระบุว่าปฏิบัติการฟอกเงินในพื้นที่ที่ BGF ควบคุมในรัฐกะเหรี่ยงกำลังเป็นข่าวต่างประเทศ โดย BGF ซึ่งเป็นองค์กรที่ปกป้องอุตสาหกรรมการหลอกลวงออนไลน์ (ในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า) ได้จัดการประชุมฉุกเฉินเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากได้รับแรงกดดัน ซึ่งผู้รู้บางคนบอกว่านี่เป็นเพียงการแสร้งทำ ก่อนหน้านี้ BGF เคยออกคำเตือนชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย แต่รายงานระบุว่าธุรกิจสีเทายังคงดำเนินการต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความลับที่ทุกคนรู้ดี สื่อและกลุ่มนักวิจัยยังได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด
“อุตสาหกรรมสแกมเมอร์มุ่งเป้าไปที่เหยื่อชาวต่างชาติ กำลังได้รับความสนใจในวงกว้าง เนื่องจากแม้แต่บุคคลที่มีชื่อเสียงก็ถูกหลอกลวง จับกุมและคุมขัง กลุ่ม BGF ได้เรียกประชุมฉุกเฉินกับนักธุรกิจชาวจีน (ซึ่งเช่าที่ในเขตอิทธิพล) เพื่อประกาศว่าบริษัทจะดำเนินการกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ชาวบ้านที่ทราบเรื่องราวกล่าวว่า พันเอกชิตตู หัวหน้ากลุ่ม BGF ทำเพียงโกหกเล่นละคร
“แรงกดดันจากนานาชาติ ที่หัวหน้ากลุ่มบีจีเอฟ ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง KNA ต้องเผชิญแรงกดดันจากประเทศไทย จีน และสภาทหารพม่า SAC แต่ชิตตูกำลังเสริมกำลังโดยฝึกทหารใหม่ 1,500 นายเป็นเวลา 3 เดือน มีพิธีสำเร็จการฝึกทหารครั้งที่ 14 ซึ่งมีทหารเข้าร่วม 1,500 นาย จัดขึ้นในพื้นที่ Hlaing Bwe ในรัฐกะเหรี่ยง โดยพันเอกชิตตู และพลเอก Saw Chit-thu ผู้นำ KNA และเจ้าหน้าที่ KNA จำนวนหนึ่งเข้าร่วม” Salween press ระบุ
Salween press ระบุด้วยว่า ในสุนทรพจน์ของผู้นำ BGF ได้มีการเรียกร้องให้เยาวชนที่เข้าร่วมการฝึกทหารเชิญเพื่อน ๆ และคนรู้จักของพวกเขามาร่วมการฝึก เนื่องจากต้องการทหารเพิ่มเติมเพื่อปกป้องพื้นที่บ้านเกิดของพวกเขา และระบุว่า 3 เดือนนี้จะเปิดหลักสูตรการฝึกทหารระยะเวลา 15 สัปดาห์เพิ่มอีก 1 หลักสูตร เขากล่าวว่ากำลังทหารในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะปกป้องพื้นที่บ้านเกิดของเขาและจำเป็นต้องมีทหารจำนวนมากโดยกองกำลัง BGF ประกาศเมื่อเปลี่ยนชื่อเป็น KNA จะยืนหยัดด้วยตนเอง ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของสภาทหารพม่า SAC พวกเขาบอกว่าจะไม่ยอมรับเงินเดือนที่สภาทหารพม่าจ่ายอีกต่อไป
“พันเอกชิตตู ผู้นำกลุ่ม BGF/KNA กำลังเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติถึงบทบาทของเขาในการอำนวยความสะดวกและปกป้องการฟอกเงินออนไลน์ มีการเรียกร้องให้จัดการเรื่องนี้โดยเร็ว สถานประกอบการพนันในเมียวดีและเขตชเวโก๊กโกบนชายแดนไทย-พม่า เป็นเขตที่ทราบกันว่ากองกำลังBGF มีชื่อเสียงในด้านการให้การคุ้มครองต่อกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่ปฏิบัติการฟอกเงินทางออนไลน์ ผู้ใกล้ชิดกับ BGF บางคนกล่าวว่าเหตุการณ์การทลายแหล่งอาชญากรรมชายแดนรัฐฉาน ในเขตปกครองพิเศษโกก้างทำให้พันเอกชิตตูมีความกังวล และชี้ให้เห็นว่าเขาไม่มีความเชื่อมั่นในสภาทหารพม่าอีกต่อไปแล้ว” Salween press ระบุ