Search

นายจ้างสีขาว-ลูกจ้างต่างด้าวหวั่นข้อมูลลงทะเบียนแรงงานหลุดถึงมือรัฐบาลพม่า-เชื่อถูกนำไปเช็คบิลแน่หลังรัฐบาลทหารพม่าถังแตกสั่งเรียกเก็บภาษี 25% ชาวมอญตื่นสั่งลูกเลิกเรียนแห่กันเข้ามาขุดทองในไทย

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 นางนิลุบล พงษ์พะยอม ตัวแทนกลุ่มนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าว (นายจ้างสีขาว) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวในปี 2568 นี้ว่า มีความล่าช้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานชาวพม่าในประเทศไทย 

“จริง ๆ แล้วการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวควรทำในไทยไปเลย แต่รัฐบาลไทยกลับดึงเอารัฐบาลพม่าที่ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ เข้ามาเล่นด้วยทำให้ต้องรอการอนุมัติจากสถานทูตพม่ายิ่งทำเกิดความล่าช้ากว่าเดิม ปัญหาใหญ่คือเงินจากการเก็บภาษีและ Name List จำนวนเกือบหมื่นล้านบาทไหลออกจากประเทศไทย” นางนิลุบล กล่าว 

“ทั้งๆ ที่มีเวลากว่า 2 ปี แต่ท้ายที่สุดกระบวนการต่างๆล่าช้าและทำให้แรงงานต้องมาเริ่มทยอยสุ่มตรวจสุขภาพกันในเดือนสุดท้าย เดือดร้อนโรงพยาบาลรัฐ ทำให้เกิดประเด็นว่าแรงงานพม่าล้นโรงพยาบาล มาแย่งคิว ตรวจผู้ป่วยคนไทยที่ปกติก็แออัดมากอยู่แล้ว เกิดกระแสการเหยียดแรงงานข้ามชาติขึ้นอีก” ตัวแทนกลุ่มนายจ้างสีขาว กล่าวและว่า 

นางนิลุบล กล่าวว่า ปัญหาแรงงานพม่าที่ไม่สามารถลงทะเบียน Name List ได้ทันตามกำหนดเวลา เป็นความบกพร่องของกระทรวงแรงงานและรัฐบาล ที่ส่งข้อมูลของนายจ้างและคนงานพม่าไปให้ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เนื่องจากรัฐบาลพม่ากำลังจะเรียกเก็บภาษีบังคับจ่ายจากแรงงานที่ออกไปทำงานนอกประเทศ เมื่อโอนเงินกลับมาในประเทศจะต้องเสีย 25 เปอร์เซ็นต์จากยอดโอนทุกครั้ง รัฐบาลจึงต้องการรู้หากมีใครที่เลี่ยงไม่จ่ายภาษี 

นายมินห์ ขาน (นามสมมติ) อายุ 29 ปีแรงงานชาวพม่า กล่าวว่าตนเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 2 ปีก่อนในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในภาคกลาง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทุกอย่างกำลังจะทำให้แรงงานพม่ามีภาระเพิ่มมากขึ้น หลังจากรัฐบาลพม่าจะเก็บภาษีบังคับจ่าย 

“พวกเราต้องลำบากซ้ำซ้อนเพราะต้องขึ้นทะเบียนแรงงานตาม MOU ซึ่งมีกระบวนการที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ที่ร้อนใจคือแม้ว่าเราจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่ท้ายที่สุดต้องถูกบังคับจ่ายภาษีจากรายได้ที่ได้รับจากนายจ้างอย่างต่ำ 25% ส่งกลับพม่า” นายมินห์ กล่าว 

“แม้ว่ามาตการนี้อาจจะมีมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2567 แล้ว แต่ล่าสุดรัฐบาลพม่ากำลังยกระดับกดดันให้บริษัทจัดหางานมีหลักฐานหรือใบเสร็จการส่งเงินกลับบ้านของแรงงานพม่าในต่างประเทศ เพื่อแสดงให้รัฐบาลพม่าเห็นว่าคนงานส่วนใหญ่ได้ส่งเงิน 25% กลับบ้านจริง หากพวกเราไม่ทำตามอาจจะส่งผลกระทบถึงครอบครัวและอาจจะถูกลงโทษหรือโดนก่อกวนโดยรัฐพม่าได้” นายมินห์ กล่าว 

นายมินห์ ยังกล่าวด้วยว่สาการทำ MOU อาจทำให้แรงงานชาวพม่าอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเพราะต้องมีการขึ้นทะเบียนทำ Name List ระบุตัวตน ผ่านกระทรวงแรงงานหรือกรมการจัดหางาน กังวลว่ารัฐบาลพม่าจะขอข้อมูลเหล่านี้จากฝั่งรัฐบาลไทยเพราะก่อนหน้านี้ พลเอก มิน อ่อง หล่าย ได้มีการขอข้อมูลรายชื่อและที่พักอาศัยของแรงงานพม่าในไทยจาก น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังได้ส่งเรื่องไปถึงกระทรวงแรงงานและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองด้วย ทำให้แรงงานชาวพม่ารู้สึกไม่ปลอดภัยแม้ว่าจะทำถูกต้องตามกฎหมายไทยแล้วก็ตาม 

“หากรัฐพม่ามีข้อมูลของแรงงานและเราไม่มีหลักฐานการส่งเงินกลับพม่า อาจจะถูกเอาข้อมูลไปบังคับใช้ติดตามตัวและถูกจับกลับไปเสียภาษีหรือเลวร้ายที่สุดคือการถูกตั้งข้อหาว่าหนีทหารได้เพราะรัฐพม่าพ่ายแพ้หนักและยังต้องการเกณฑ์คนหนุ่มสาวเข้าไปสู้รบกับฝ่ายต่อต้าน ทำให้แรงงานอย่างเราต้องกังวลใจไปหมด” นายมินห์ กล่าว 

ด้าน นายเอ(นามสมมติ) แรงงานพม่าที่เข้ามาทำงารใน อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ขณะนี้แรงงานหลายแสนคนจ่ายเงินให้นายจ้างเพื่อดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวประมาณ 13,000 บาท เงินจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขอใบอนุญาตการทำงาน, เซ็นสัญญา, ตรวจสุขภาพและต้องเสียภาษีให้พม่ากว่า 4,500 บาท เพื่อขึ้นทะเบียน  

“เงินเดือนบางส่วนของผมถูกนายจ้างหักออกไปเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียน แม้ว่าจะจ่ายครบแล้วแต่กลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆเลย หลายปีที่ผ่านมาปกติช่วงเดือนมกราคม จะต้องได้รับใบอนุญาตแล้วแต่ปีนี้กลับล่าช้ากว่าเดิม ผมกังวลว่าจะไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ทันเวลาและสุดท้ายอาจจะกลายเป็นแรงงานเถื่อน” นายหม่อง กล่าว 

วันเดียวกันสำนักข่าว Independent Mon News Agency ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของชาวมอญ รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 ในหลายโรงเรียนแห่งชาติรัฐมอญ โดยเฉพาะในระดับชั้นเด็กโต ผู้ปกครองต่างให้บุตรหลานลาออกจากโรงเรียนเป็นจำนวนมาก โดยอ้างว่าจะนำบุตรหลานไปทำบัตรแรงงาน ในช่วงที่ทางการไทยเปิดให้ทำใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานที่ผิดกฎหมาย  

ครูคนหนึ่งกล่าวว่า ผู้ปกครองหลายคนพาลูก ซึ่งอยู่ในวัยทำงานออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงานในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องจัดทำหนังสือเดินทางและบัตรแรงงานให้กับลูกของพวกเขา โดยตัวเลขเด็กที่ออกจากโรงเรียนกำลังเพิ่มขึ้นซึ่งเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นกับโรงเรียนแห่งชาติมอญหลายแห่งทั่วรัฐมอญ  

รายงานระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้ว นักเรียน 20 คนต่อโรงเรียนขนาดใหญ่ และนักเรียนจำนวน 10 คนต่อโรงเรียนขนาดเล็ก กำลังลาออกเพื่อไปทำงานในประเทศไทยในช่วงที่รัฐบาลไทยดำเนินการเรื่องใบอนุญาตทำงานและหนังสือเดินทางให้กับแรงงานข้ามชาติ และนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร นักเรียนจากโรงเรียนของรัฐบาลพม่าในรัฐมอญได้ย้ายมาเรียนยังโรงเรียนแห่งชาติมอญ ในขณะเดียวกัน ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเหล่านี้ก็ได้ย้ายไปยังประเทศไทยหรืประเทศอื่นเพื่อหางานทำด้วยเช่นเดียวกัน 

————- 

On Key

Related Posts

มาเฟียจีนกระเจิงหนีจากเมียวดี ระดับหัวหน้าหนีซุก กทม. บางส่วนหลบไปพะอัน-มัณฑะเลย์ ทางการแดนมังกรส่งรายชื่อไล่ล่า 5 ระดับบิ๊ก BGF ส่ง 200 คนให้แล้ว-รัฐบาลทหารพม่าขอเอี่ยวส่งชาวต่างชาติชเวโก๊กโก่ให้ไทย

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากชเวโก๊กRead More →

ทางการไทยไม่พร้อมรับชาวต่างชาตินับหมื่นในชเวโก๊กโก่ “ชิตตู”หวั่นภาระใหญ่หลังเปิดปฎิบัติการสำรวจคัดแยกตั้งแต่เช้า-เผยมีหญิงไทย 700 คนอยู่ในสถานบริการ “ศ.ปิ่นแก้ว”ระบุมาเฟียจีนระดับบอสหนีไปอยู่เมืองพะอันหมดแล้ว จี้รัฐตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 แหล่งข่าวจากเขตปกครRead More →

เวทีสุดท้ายรับฟังเขื่อนสานะคาม ชาวบ้านเรียกร้อง สปป.ลาว รับผิดชอบผลกระทบข้ามพรมแดน ด้านภาค ปชช. จัดเวทีคู่ขนานยุติเขื่อนแม่น้ำโขง-พัฒนาพลังงานทางเลือกแทน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมRead More →